แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรค 3 โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเงินให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยจดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญนครพาณิชยการ โจทก์เป็นผู้จัดการจำเลยเป็นผู้ออกเงินทุนทั้งหมด และเป็นผู้ดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยอาศัยชื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการ เนื่องจากจำเลยเชิดให้โจทก์เป็นตัวแทนดำเนินการค้าแต่ในนาม แต่ความจริงจำเลยเป็นผู้ดำเนินงานทั้งสิ้นโจทก์ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเพราะใช้ชื่อโจทก์ประกอบการค้าจำเลยไม่ยอมเสียภาษี จนทางราชการได้ยึดทรัพย์ของโจทก์ จำเลยไม่ยอมรับผิด ขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้ลงทุน และเป็นตัวการให้โจทก์ตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญนครพาณิชยการ โจทก์เป็นเพียงตัวแทนเชิดของจำเลย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยเชิดให้โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยโดยจำเลยออกทุนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญนครพาณิชยการ และโจทก์เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เมื่อจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนแล้ว จำเลยเป็นผู้ดำเนินกิจการค้าของห้างหุ้นส่วนตลอดมา แต่จำเลยไม่ยอมเสียภาษีจนเป็นเหตุให้ทางราชการยึดทรัพย์ของโจทก์ขายทอดตลาดเอาเงินชำระภาษีและจำเลยไม่ยอมรับผิดชดใช้ความเสียหายแก่โจทก์ตามโจทก์ฟ้อง และโจทก์จะต้องใช้สิทธิทางศาล โจทก์จึงมีสิทธิดำเนินคดีกับจำเลยตามที่โจทก์ฎีกาก็ตามแต่การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายตามที่กล่าวในฟ้องต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๑๖ วรรค ๓ โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการและโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์
พิพากษายืน