คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ อ. แล้ว อ. สลักหลังชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ จำเลยโต้แย้งไม่ได้ว่าที่โจทก์รับเช็คนั้นไว้เป็นการนอกวัตถุประสงค์ของห้างโจทก์ตามที่จดทะเบียนไว้
เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว และจำเลยไม่ชำระเงินให้โจทก์ โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามเอกสารการจดทะเบียนนิติบุคคลท้ายฟ้องโจทก์ ห้างโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อทำการจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเครื่อง น้ำกลั่น จาระบี หม้อแบตเตอรี่รถยนต์และอุปกรณ์ที่ใช้กับหม้อแบตเตอรี่เท่านั้น การที่โจทก์รับเช็คพิพาทไว้เพราะมีคนนำเอามาแลกเงินสดไปจากโจทก์ เป็นการกระทำที่นอกเหนือวัตถุประสงค์ของห้างโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เช็คพิพาท (เอกสารหมาย จ.1)เป็นเช็คเงินสดที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายให้แก่นายอุดม แซ่โค้ว แล้วนายอุดม แซ่โค้ว สลักหลังชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพตามโจทก์ฟ้องมิได้โต้แย้งว่าอย่างไร ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้ทรงเช็คตามเนื้อความในเช็คพิพาท หากโจทก์นำไปขอรับเงินจากธนาคารไม่ได้ ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่โจทก์ได้ จำเลยจะโต้แย้งว่าที่โจทก์รับเช็คนั้นไว้เป็นการนอกวัตถุประสงค์ของห้างโจทก์ตามที่จดทะเบียนไว้หาได้ไม่ คดีนี้ปรากฏว่า เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระ จำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์จึงได้รับความเสียหายเพราะไม่ได้รับเงินตามเช็ค โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษ จำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้”

พิพากษายืน

Share