แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซึ่งเป็นน้องเจ้ามรดก ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงยกอายุความ 1 ปีขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของเจ้ามรดกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755
ที่นาพิพาทเป็นทรัพย์ของเจ้ามรดกตกทอดได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุตรกับมารดาเจ้ามรดก โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ มารดาโจทก์ไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับที่พิพาทได้โดยพลการ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 สัญญาประนีประนอมที่ ส.กับมารดาโจทก์ทำไว้ไม่มีผลบังคับแก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแบ่งที่นาพิพาทออกเป็น 4 ส่วนให้โจทก์สามคนได้คนละส่วน ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านาพิพาทเป็นของนายสายทองซึ่งเป็นบิดาของโจทก์ทั้งสาม ทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกของนายสายทองคงมีแต่โจทก์ทั้งสามกับนางโหง่นมารดานายสายทอง จำเลยซึ่งเป็นน้องชายนายสายทองซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมในลำดับถัดไปไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกผู้ตาย จึงยกอายุความ 1 ปีขึ้นต่อสู้ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 และศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่าที่นาพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสายทองผู้ตาย ตกทอดได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทกับนางโหง่น โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์นางสาวสมนึกและนางทมมารดาโจทก์ไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่อำเภอตามเอกสารหมาย จ.1 โดยพลการ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 บัญญัติว่า สัญญาประนีประนอมยอมความอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินของเด็ก ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำไม่ได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาตด้วยเหตุนี้สัญญาประนีประนอมยอมความที่นางสาวสมนึกและนางทมมารดาโจทก์ทำไว้ จึงไม่มีผลที่จะบังคับแก่โจทก์ได้
พิพากษายืน