คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5980/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยตกลงยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่ได้รับประกันภัยไว้แล้ว แม้ต่อมาจำเลยจะได้รับแจ้งจากกรมสรรพากรมิให้ชำระเงินแก่โจทก์ เนื่องจากโจทก์ยังมีหนี้ค้างชำระค่าภาษีอากรอยู่ก็ตาม แต่คำสั่งของกรมสรรพากรดังกล่าวมิใช่เป็นคำสั่งศาลที่แจ้งให้จำเลยงดชำระหนี้แก่โจทก์ ทั้งหนี้ค่าภาษีอากรเป็นบุริมสิทธิสามัญ มิใช่บุริมสิทธิพิเศษเหนือทรัพย์ที่เอาประกันอันกรมสรรพากรจะเรียกร้องเอากับจำเลยผู้ประกันได้กรณีเช่นนี้จำเลยจึงไม่อาจขอให้ศาลเรียกกรมสรรพากรเข้ามาเป็นจำเลยร่วมหรือปฏิเสธจำนวนหนี้ที่จำเลยยอมรับผิดนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 จำนวนเงิน 22,284.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้ ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 2 จำนวนเงิน 726,642.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยกับให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ที่ 1จำนวน 1,645,242.01 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสามให้การว่าได้ตกลงใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง แต่กรมสรรพากรมีหนังสือห้ามจำเลยมิให้จ่ายเงินแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย และไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลย เพราะจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาโจทก์ต้องจัดการให้กรมสรรพากรเพิกถอนการอายัดก่อน จำเลยพร้อมจะชำระเงินให้โจทก์ตามที่ตกลงไว้ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 213,083.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ 1 และชำระเงินจำนวน 897,804.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน1,573,157.26 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้องและคำให้การของคู่ความว่า จำเลยทั้งสามได้รับประกันวินาศภัยกับโจทก์ทั้งสองและเกิดอัคคีภัยขึ้นภายในอายุสัญญาประกันภัย ต่อมาจำเลยทั้งสามได้ตกลงยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองตามที่ฟ้อง แต่จำเลยทั้งสามมิได้ชำระอ้างว่า ได้รับการแจ้งอายัดจากกรมสรรพากรห้ามจำเลยทั้งสามมิให้จ่ายเงินแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจึงมีประเด็นที่จะวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมีสิทธิเรียกกรมสรรพากรเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้หรือไม่ และจะต้องชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า หากเป็นดังที่จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ แสดงว่ากรมสรรพากรได้ใช้อำนาจพิเศษของกฎหมายประมวลรัษฎากรบังคับแก่โจทก์ทั้งสองที่ค้างชำระเงินค่าภาษีอากรโดยเฉพาะ กรมสรรพากรไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องในหนี้สินระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งจำนวนเงินที่เป็นค่าภาษีอากรที่กรมสรรพากรใช้อำนาจสั่งอายัดก็เป็นคนละส่วนกับหนี้สินที่โจทก์จำเลยพิพาทกันและมิได้เกิดจากการใช้สิทธิทางศาลฟ้องร้องเพื่อขอให้ศาลบังคับ คำสั่งอายัดของกรมสรรพากรจึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลที่แจ้งจำเลยทั้งสามให้งดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ และจำเลยทั้งสามก็ยังมิได้ชำระหนี้ค่าภาษีอากรตามที่กรมสรรพากรสั่งอายัดด้วย ทั้งนี้ค่าภาษีอากรเป็นบุริมสิทธิสามัญ มิใช่เป็นบุริมสิทธิพิเศษเหนือทรัพย์ที่เอาประกันอันกรมสรรพากรจะเรียกร้องเอากับจำเลยผู้รับประกันภัยได้กรณีเช่นนี้จำเลยทั้งสามจึงไม่อาจเรียกกรมสรรพากรให้เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามที่จำเลยทั้งสามฎีกาได้ เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้ปฏิเสธจำนวนหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามจำต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง สำหรับฎีกาข้ออื่นจำเลยทั้งสามเพิ่งยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share