แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องอ้างถึงสัญญาประนีประนอมระหว่างมารดาโจทก์กับจำเลยว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือที่อำเภอ มิได้รับว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น จึงไม่ห้ามมิให้ศาลรับฟ้องไว้พิจารณาโจทก์ขออ้างหนังสือดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาในภายหลังได้ เมื่ออำเภอแจ้งมายังศาลว่าสัญญาประนีประนอมค้นหาไม่พบเนื่องจากเป็นเวลานานและมีการย้ายที่ว่าการอำเภอ ไม่สามารถนำส่งได้ย่อมถือได้ว่าเอกสารที่โจทก์อ้างสูญหาย โจทก์อ้างพยานบุคคลและศาลยอมให้โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบแทนก็ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตโดยปริยายชอบด้วยมาตรา 93(2) ศาลรับฟังคำพยานบุคคลของโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ทรัพย์พิพาทเป็นมรดกของนายหมีดบิดาโจทก์ ตกได้แก่โจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยให้การสู้คดีว่า โจทก์มิใช่บุตรนายหมีด ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงสัญญาประนีประนอมระหว่างนางเรียะมารดาโจทก์กับจำเลยว่ามีหลักฐานเป็นหนังสืออยู่ที่อำเภอเมืองสตูล มิได้รับว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้นจึงไม่ห้ามมิให้ศาลรับฟ้องไว้พิจารณา โจทก์ขออ้างหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความจากอำเภอมาประกอบการพิจารณาในภายหลังได้ เมื่อกรมการอำเภอเมืองสตูลแจ้งมายังศาลชั้นต้นว่าสัญญาประนีประนอมที่อ้างค้นหาไม่พบเนื่องจากเป็นเวลานานและมีการย้ายที่ว่าการอำเภอไม่สามารถนำส่งได้ ย่อมถือได้ว่าเอกสารที่โจทก์อ้างสูญหาย เมื่อโจทก์อ้างพยานบุคคลและศาลยอมให้โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบแทนก็ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตโดยปริยายชอบด้วยมาตรา 93(2) ศาลรับฟังคำพยานบุคคลของโจทก์ได้
พิพากษายืน