คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพื่อนของผู้ตายกับเพื่อนของจำเลยจะต่อยกัน จำเลยเข้าไปถีบเพื่อนผู้ตายเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของจำเลย ผู้ตายจึงเตะจำเลยเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของผู้ตาย ดังนี้ จะถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจากผู้ตายไม่ได้ เพราะจำเลยทำร้ายเพื่อนผู้ตายก่อนความผิดของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยเข้ามอบตัวกับเจ้าพนักงานเป็นการลุแก่โทษชั้นสอบสวนก็ให้การรับสารภาพอย่างเดียวกับข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบในชั้นศาลที่จำเลยให้การสู้คดีชั้นศาลว่าป้องกันตัว ก็เป็นความเข้าใจของจำเลยว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการป้องกันตัวจำเลยมิได้บิดเบือนข้อเท็จจริง และในที่สุดก็รับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้องแม้จะเป็นการรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาที่ศาลพิพากษาวางบทกำหนดโทษและลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง จึงเป็นการสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

จำเลยให้การว่าผู้ตายชกจำเลยล้มลงแล้วผู้ตายเข้าเตะซ้ำจำเลยจึงใช้มีดแทงสวนไปเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาท และจำเลยเป็นผู้ก่อการวิวาท การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัว แต่จำเลยแทงครั้งเดียวไม่ได้แทงซ้ำ ทั้งที่มีโอกาส จึงลงโทษในสถานเบาจำคุก 16 ปี ลดฐานรับสารภาพให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้จำคุก 8 ปี

โจทก์อุทธรณ์ขอให้วางโทษสถานหนัก จำเลยรับโดยจำนนต่อหลักฐานไม่ควรลดโทษ ถึงจะลดก็ขอให้ลดน้อยกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

จำเลยอุทธรณ์ว่า ทำเพราะบันดาลโทสะ ควรวางโทษเล็กน้อยแล้วลดโทษอีกกึ่งหนึ่ง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของผู้ตาย ถือว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม พฤติการณ์แห่งความผิดของจำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ศาลอาจกำหนดโทษจำเลยให้น้อยลงได้ แต่จำเลยเพิ่งยอมรับหลังจากสืบพยานโจทก์หมดแล้วจะว่าเป็นการให้ความรู้อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอย่างเต็มที่ไม่ได้ ควรลดโทษเพียง 1 ใน 3 พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้จำคุก 9 ปี ปรานีลดโทษตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี

โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นบันดาลโทสะ และไม่ควรได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่ง

ศาลฎีกาเห็นว่า สาเหตุเริ่มแรกเกิดจากนายวีระชัยเพื่อนของผู้ตายกับนายกำจัดเพื่อนของจำเลยต่อยกัน เพราะนายวีระชัยด่านายกำจัด ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างคนทั้งสองไม่เกี่ยวกับจำเลย การที่จำเลยเข้าไปถีบนายวีระชัยเพื่อช่วยนายกำจัด ผู้ตายจึงเตะจำเลยเพื่อช่วยนายวีระชัยบ้าง ดังนี้ จะถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจากผู้ตายไม่ได้ เพราะจำเลยทำร้ายเพื่อนของผู้ตายก่อน ความผิดของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

ส่วนปัญหาที่ว่าควรลดโทษ เพราะมีเหตุบรรเทาโทษอันเนื่องจากการรับสารภาพเพียงใดนั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยเข้ามอบตัวกับเจ้าพนักงานเป็นการลุแก่โทษชั้นสอบสวนก็ให้การรับสารภาพอย่างเดียวกับข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบในชั้นศาล ที่จำเลยให้การสู้คดีชั้นศาลว่าป้องกันตัว ก็เป็นความเข้าใจของจำเลย ว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการป้องกันตัว จำเลยมิได้บิดเบือนข้อเท็จจริง และในที่สุดก็รับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง แม้จะเป็นการรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาวางบทกำหนดโทษ และลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งเป็นการสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้นทุกประการ

Share