คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปีและแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยคู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร และจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้วกลับมากระทำผิดอีกภายในกำหนด 5 ปีขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357,83 และ 92 ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่จำเลยต้องโทษอยู่ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำเลยที่ 1 ให้การว่าได้ไปกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และนายสนิทที่โรงรับจำนำแห่งหนึ่งจำเลยทั้งสองบอกให้จำเลยที่ 1 จำนำเครื่องคิดเลข จำเลยทำตามโดยไม่รู้ว่าเป็นของคนร้ายลักมา จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจร จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำผิดฐานรับของโจรจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357, 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 1 ใน 3 ตาม มาตรา 92 คงจำคุกคนละ 4 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 กำหนด 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 ลดให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 2 ปี ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีแดงที่ 2421/2510 จำเลยที่ 2 ต่อจากคดีแดงที่ 2601/2510 ของศาลอาญา ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้องกับให้จำเลยที่ 1, 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ด้วย

จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดฐานรับของโจรแต่ข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ฐานไม่เข็ดหลาบ ศาลชั้นต้นเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ไปแล้วนั้น ตามสำนวนไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับในข้อต้องโทษ และโจทก์ก็มิได้นำพยานบุคคลสืบประกอบประวัติอาชญากร เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ กับข้อที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายด้วยนั้นปรากฏตามทางพิจารณาว่า ผู้เสียหายได้ของกลางคืนไปแล้ว ไม่ควรจะต้องให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์อีก จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี โดยไม่เพิ่มโทษคำให้การของจำเลยมีประโยชน์ในทางพิจารณาลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี และแก้ว่าจำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง และโจทก์ฎีกาขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 1 เพราะเห็นว่าศาลอุทธรณ์แก้บทลงโทษ เป็นการแก้มาก

ศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นเพียงแต่แก้ไขในข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาคดีในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริงว่าไม่ได้กระทำผิดและฎีกาของโจทก์เถียงว่า ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาที่จำเลยรับว่าจำเลยเคยให้การรับชั้นสอบสวนและมีรายงานประวัติอาชญากรประกอบควรฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วตามฟ้องก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ฉะนั้นฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 1 ให้

จึงพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์และจำเลยที่ 1

Share