แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้องกระทำต่อเจ้าหนี้และมีเจตนาจะใช้หนี้นั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เช่น รับว่าเป็นหนี้จริงแต่ต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่เป็นการรับสภาพหนี้
จำเลยเคยให้การชั้นสอบสวนในคดีอื่นโดยโจทก์ขอให้ปลัดอำเภอช่วยถามถึงเรื่องค้างค่าจ้างว่าความด้วย และจำเลยเคยเบิกความต่อศาลในคดีอื่นว่าค้างค่าจ้างว่าความโจทก์ก็ดี เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องให้การและเบิกความตามหน้าที่ มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ และมิใช่มีเจตนาจะใช้หนี้ที่ขาดอายุความแล้วแก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความ ๑๒,๐๐๐ บาท โดยอ้างว่าจำเลยรับสภาพหนี้ไว้
จำเลยให้การว่า ค้างค่าจ้างอยู่ ๖,๐๐๐ บาท ซึ่งขาดอายุความแล้ว และไม่เคยรับสภาพหนี้ ซึ่งอ้างในฟ้องที่ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ก็ไม่ใช่การรับสภาพหนี้
ชั้นพิจารณาคู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยต่อนายอรุณปลัดอำเภอว่าค้างค่าจ้างว่าความโจทก์อยู่ ๑๒,๐๐๐ บาท กับคำเบิกความของจำเลยในคดีอาญาแดงที่ ๘๔๐/๒๔๙๙ และคดีแพ่งแดงที่ ๒๐๕-๒๐๖/๒๔๙๙ ว่าจำเลยค้างค่าจ้างโจทก์อยู่ ๖,๐๐๐ บาทและจำเลยตกลงจะให้โจทก์เป็นพิเศษอีก ๖,๐๐๐ บาทนั้น เป็นการรับสภาพหนี้หรือไม่ ถ้าเป็น จำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ ๑๒,๐๐๐ บาท ถ้าไม่เป็นโจทก์ยอมแพ้ โดยคู่ความต่างไม่สืบพยานต่อไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การจำเลยต่อปลัดอำเภอนั้น เป็นการรับสภาพหนี้ พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๑๒,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำให้การจำเลยต่อปลัดอำเภอก็ดี คำเบิกความของจำเลยใน ๒ คดีดังกล่าวก็ดี ไม่เป็นการรับสภาพหนี้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า ๑.เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วเป็นที่สุดจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ๒. คำให้การและคำเบิกความของจำเลยเป็นการรับสภาพหนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาข้อ ๑ ฟังไม่ได้ ส่วนฎีกาข้อ ๒ โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ ต้องกระทำต่อเจ้าหนี้และมีเจตนาจะใช้หนี้นั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เช่น รับว่าเป็นหนี้แต่ต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่เป็นการรับสภาพหนี้ คำให้การจำเลยต่อปลัดอำเภอเป็นเรื่องที่คนอื่นกล่าวหาจำเลยเป็นคดีอาญาฐานหมิ่นประมาท ในการสอบสวนคดีนี้นโจทก์ได้ขอร้องให้ปลัดอำเภอช่วยสอบถามจำเลยถึงเรื่องค่าจ้างว่าความด้วย ส่วนคำเบิกความของจำเลยในคดีอาญาแดงที่ ๘๔๐/๒๔๙๙ เป็นเรื่องจำเลยฟ้องนายสมภาษก์ อุทยางกูร ทนายสำนักงานเดียวกับโจทก์ในเรื่องฉ้อโกง และคดีแพ่งแดงที่ ๒๐๕-๒๐๖/๒๔๙๙ เป็นเรื่องภริยานายสมภาษก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาไม่ยอมจำนองที่ดินและเรื่องผิดสัญญากู้ เห็นได้ว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยและคำเบิกความของจำเลยในคดีดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยต้องให้การตามหน้าที่ของพยาน มิใช่การกรทำต่อเจ้าหนี้ และมิใช่เป็นเรื่องที่ลูกหนี้เจตนาจะใช้หนี้ซึ่งขาดอายุความแล้วให้แก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
พิพากษายืน