คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ซื้อได้ชำระราคาที่ดินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ขายเรียบร้อยแล้ว และได้ฟ้องผู้ขายจนศาลพิพากษาให้ผู้ขายโอนที่ดินให้แก่ผู้ซื้อ คดีถึงที่สุดไปแล้ว ผู้ซื้อย่อมอยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน แม้จะยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายซึ่งฟ้องคดีภายหลัง หามีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวให้เป็นการกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ซื้อไม่
(อ้างฎีกาที่ 737/2511)
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายนำยึดที่ดินที่ผู้ขายจะต้องโอนให้แก่ผู้ซื้อตามคำพิพากษาไว้เพื่อบังคับคดีนั้นไม่เป็นเหตุขัดข้องที่จะโอนที่ดินนั้นแก่ผู้ซื้อ

ย่อยาว

กรณีเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่๕๕๔๒ ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยขอให้ขายที่ตามโฉนดดังกล่าวเฉพาะเนื้อที่๑๐๐ ตารางวาให้ผู้ร้องตามสัญญา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างให้ผู้ร้องชนะคดี ศาลแพ่งแจ้งสำนักงานที่ดินให้โอนที่ดินนั้นแก่ผู้ร้อง แต่โอนไม่ได้เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดียึดโฉนดไว้ ขอให้ศาลสั่งปล่อยการยึด
โจทก์ต่อสู้ว่า คดีที่ผู้ร้องชนะจำเลยนั้น ศาลพิพากษาให้โอนที่ดินดังกล่าวถ้าโอนไม่ได้ ให้จำเลยชำระเงิน ๖๑,๐๐๐ บาท โจทก์กับผู้ร้องต่างเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา จึงชอบที่จะขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน
คู่ความรับกันว่า คดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยคือคดีแดงที่๔๒๖๒/๒๕๐๖ ของศาลแพ่ง แล้วศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานและวินิจฉัยว่าที่ดินโฉนดที่ ๕๕๔๒ เฉพาะที่ระบายสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องตกเป็นของผู้ร้องแล้ว โดยผลของคำพิพากษาในคดีนั้น และไม่ใช่กรณีที่จำเลยจะเลือกชำระหนี้ จึงสั่งให้งดการขายทอดตลาดไว้พลางก่อนจนกว่าจะแบ่งแยกที่ดินโอนขายให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาในคดีแดงที่ ๔๒๖๒/๒๕๐๖ เสียก่อน โอนขายเสร็จ ให้โจทก์แถลงให้ศาลทราบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องว่า ที่ดิน ๑๐๐ ตารางวา ในบริเวณหมายสีแดงตามแผนที่สังเขปตกเป็นของผู้ร้องโดยผลของคำพิพากษา ชอบที่จะสั่งปล่อย ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดการขายที่ดินทั้งโฉนดเพื่อแบ่งแยกให้ผู้ร้องก่อนนั้น เป็นคำสั่งที่มิได้สั่งตามคำขอของผู้ร้อง แต่ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลได้พิพากษาในคดีแพ่งแดงที่ ๔๒๖๒/๒๕๐๖ระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่า ให้จำเลยโอนที่ดินโฉนดที่ ๕๕๔๒ ตามสัญญาซื้อขายเฉพาะเนื้อที่๑๐๐ ตารางวา คือที่หมายสีแดงไว้ในแผนที่ท้ายฟ้องให้แก่ผู้ร้องโดยผู้ร้องได้ชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยไปแล้ว ถ้าโอนไม่ได้ให้จำเลยใช้เงิน ๖๐,๐๐๐ บาทแทน ต่อมาที่ดินโฉนดดังกล่าวถูกยึดตามคำสั่งศาลในคดีนี้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ ๕๕๔๒ ไว้เพื่อดำเนินการบังคับคดีนั้น ไม่เป็นเหตุขัดข้องที่จะโอนที่ดินให้แก่ผู้ร้องดังโจทก์ฎีกา การที่ผู้ร้องได้ชำระราคาที่ดินที่ซื้อขายให้แก่จำเลยไปแล้ว และศาลได้พิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้ผู้ร้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เรียกหนี้เงินกู้จากจำเลย จำเลยยอมความยอมใช้เงินแก่โจทก์ แต่ไม่มีเงินชำระโจทก์จึงยึดที่ดินดังกล่าวเพื่อบังคับคดี ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับคดีนี้ให้เป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของผู้ร้องที่จะจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดที่ ๕๕๔๒ ในบริเวณหมายสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของผู้ร้องได้ก่อนโจทก์อยู่แล้วนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๐ ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่๗๓๗/๒๕๑๑ โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินโฉนดที่ ๕๕๔๒ ในส่วนที่หมายสีแดงเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวาได้ ชอบที่จะปล่อยการยึดที่ดินดังกล่าวนั้น
พิพากษายืนในผลแห่งคดี.

Share