คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากเรือนของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย

จำเลยต่อสู้ว่า เช่าจากเจ้าของเดิมก่อนตกมาเป็นของโจทก์ค่าเช่าเดือนละ 10 บาท

โจทก์จำเลยตกลงกันในประเด็นข้อเดียวว่า ถ้าจำเลยนำสืบได้ว่าได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาตั้งแต่ครั้งเจ้าของเดิม จำเลยเป็นฝ่ายชนะถ้านำสืบไม่ได้ว่าจำเลยได้เช่ามาจากเจ้าของเดิม จำเลยเป็นฝ่ายแพ้ จำเลยรับนำสืบก่อน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมเรือนพิพาทเป็นของนายเป็กจ่วนแล้วโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของนายประชา แล้วมาเป็นของนางส่วนอิ่ม ส.ต.อ.กำเนิดตามลำดับ ในที่สุดตกมาเป็นของโจทก์จำเลยได้เช่าเรือนพิพาทจากนายประชาตั้งแต่ครั้งนายประชาเป็นเจ้าของเมื่อนางส่วนอิ่มเป็นเจ้าของก็ยังคงให้จำเลยเช่าอยู่ จำเลยนำสืบได้สมจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนตกมาเป็นของโจทก์ ฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายชนะตามที่ท้ากันไว้ จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับในข้อกฎหมายว่า เจ้าของเดิมที่ให้จำเลยเช่าหรืออาศัยเรือนพิพาทว่าจะหมายถึงเจ้าของเดิมคนใด

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทติดต่อกันมา 3 เจ้าของ คือนายประชา, นางส่วนอิ่ม, และนายเสวียง ส่วนเมื่อนายเสวียงโอนให้ ส.ต.อ.กำเนิด ๆ เป็นเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเจ้าของเดิมที่โจทก์กล่าวอ้างนั้นหมายถึง ส.ต.อ.กำเนิดด้วยเมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทจาก ส.ต.อ.กำเนิดจำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากเรือนพิพาทของโจทก์

จำเลยฎีกาซึ่งศาลชั้นต้นรับในข้อกฎหมายเช่นเดียวกับในชั้นอุทธรณ์

ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยอาศัย ส.ต.อ.กำเนิดนั้นไม่ตรงกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น คดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ คู่ความจะอุทธรณ์ได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น เช่นนี้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่

Share