แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็นคนงานโรงบ่มใบยา อยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายสถานีโรงบ่ม เมื่อจำเลยที่ 1 ตะโกนให้จำเลยที่ 2 เอาปืนมาให้เร็ว จำเลยที่ 2 ก็นำปืนลูกกรดมาให้ที่บันไดหลังบ้านพักของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ใช้ปืนนั้นยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 ยังไม่ควรมีความผิดฐานสมรู้ด้วยจำเลยที่ 1 เพราะไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นเป็นใจช่วยเหลืออุปการะในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ได้กระทำไปนั้นก็โดยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 จะเรียกเอาปืนไปเพื่อประโยชน์อันใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 3 สมคบกันใช้ปืนยิงนายสุบินตายโดยเจตนา
จำเลยทั้ง 3 ปฏิเสธ
ศาลจังหวัดหนองคายฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ ได้รับยกเว้นโทษ ตามมาตรา 50 กฎหมายลักษณะอาญา ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 ผิด มาตรา 249 รับชั้นสอบสวนลดโทษให้ 1 ใน 3 จำคุก 10 ปี จำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา249-65 ให้จำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1-2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 ผิด มาตรา 249
ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นได้ความว่าเป็นคนงานโรงบ่มใบยาของโรงงานยาสูบซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 (จำเลยที่ 1 เป็นนายสถานีโรงบ่มใบยา) เมื่อจำเลยที่ 1 ตะโกนให้จำเลยที่ 2 เอาปืนมาให้เร็วจำเลยที่ 2ก็นำปืนลูกกรดมาให้ที่บันไดหลังบ้านพักของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ใช้ปืนนั้นยิงนายสุบินถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่ควรมีความผิดฐานสมรู้ด้วยจำเลยที่ 1 ดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพราะไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นเป็นใจช่วยเหลืออุปการะในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ได้กระทำไปนั้นก็โดยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 จะเรียกเอาปืนไปเพื่อประโยชน์อันใด
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ยังไม่ผิด ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้คงยืน