คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาจำเลยมีโอกาสที่จะโต้แย้งคำสั่งได้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แต่มิได้โต้แย้งอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
ปัญหาว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ นับแต่วันที่10 กันยายน 2523 ซึ่งเป็นวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนกว่าจะชำระเสร็จศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะดอกเบี้ยให้ชำระนับแต่วันที่ 15 กันยายน 2523 จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาข้อกฎหมายมีว่าจำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานหรือไม่ เห็นว่าคำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา และคดีนี้จำเลยมีโอกาสที่จะโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา แต่จำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดสืบพยานไว้แต่อย่างใดไม่ อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ เป็นการชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนปัญหาว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่ เห็นว่าปัญหานี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงและคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์เพียงแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share