คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11230/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านด่านได้ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายรวมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเท็จ ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการบรรยายฟ้องให้เห็นถึงการกระทำของจำเลยว่า จำเลยไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งซึ่งรับรองความถูกต้อง พร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความจริงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแล้ว แม้ตามคำฟ้องของโจทก์จะบรรยายว่า บัญชีรายรับและรายจ่าย รวมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเท็จ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์ไม่ชัดแจ้ง เพราะโจทก์บรรยายฟ้องต่อไปอีกว่า ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องของจำเลยไม่ตรงตามความจริงแล้วยังเป็นความเท็จอีกด้วย ส่วนจำเลยจะยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงอย่างไรก็เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ประกอบแห่งความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 55 วรรคหนึ่ง, 117 วรรคหนึ่ง แล้ว ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 4, 55, 117
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 55 วรรคหนึ่ง, 117 วรรคหนึ่ง จำคุก 6 เดือน และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 3 เดือน และปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนด 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การบรรยายฟ้องเกี่ยวแก่การกระทำนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) บัญญัติว่า ต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด โจทก์จะบรรยายฟ้องอย่างใดก็ได้พอให้เข้าใจได้ว่าจำเลยได้กระทำการที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดก็ใช้ได้ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านด่านในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของเทศบาลตำบลบ้านด่านได้ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่าย รวมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเท็จไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงต่อคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ก็เป็นการบรรยายฟ้องให้เห็นถึงการกระทำของจำเลยว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านด่านไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งรับรองความถูกต้อง พร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความจริงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแล้ว แม้ตามคำฟ้องของโจทก์จะบรรยายว่า บัญชีรายรับและรายจ่าย รวมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเท็จ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์ไม่ชัดแจ้ง เพราะโจทก์บรรยายฟ้องต่อไปอีกว่าไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องของจำเลยไม่ตรงตามความจริงแล้วยังเป็นความเท็จอีกด้วย ส่วนจำเลยจะยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องไม่ถูกต้องครบถ้วนตรงกับความเป็นจริงอย่างไรก็เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านด่านไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งซึ่งรับรองความถูกต้อง พร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องถูกต้องครบถ้วนตามความจริงถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 55 วรรคหนึ่ง, 117 วรรคหนึ่ง แล้วฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share