แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือชกทำร้ายผู้เสียหายถูกที่ขอบตาขวาถึงบาดเจ็บ ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยชกต้นคอผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บและใช้สันขวานตีถูกที่ขอบตาขวาของผู้เสียหายถึงบาดเจ็บดังนี้เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดที่โจทก์ต้องกล่าวบรรยายในฟ้องอันเป็นข้อแตกต่างมิใช่ในข้อสารสำคัญและจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้เพราะจำเลยให้การปฏิเสธศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือชกทำร้ายนายเวช แพละออง ถูกขอบตาขวา 1 ที เป็นเหตุให้ขอบตาช้ำบวม เลือดออกใต้ตาขวา ถึงอันตรายแก่กายและจิตใจ ปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยชกนายเวชถูกที่คอ 1 ที และใช้ขวานตีถูกที่ตาขวาอีก 1 ที นายเวชได้รับอันตรายแก่กายเฉพาะแผลที่ถูกตีเท่านั้น เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือชกที่ขอบตาขวา แต่ทางพิจารณาได้ความว่าบาดแผลเกิดจากถูกตี ไม่ได้เกิดจากถูกชก จึงลงโทษฐานชกถูกที่ขอบตาขวาไม่ได้ คงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานใช้กำลังทำร้ายนายเวชไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุก 1 เดือน ปรับ 200 บาท ให้รอการลงโทษไว้ตามมาตรา 56 มีกำหนด 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 6 เดือน ปรับ 200 บาท ให้รอการลงโทษไว้ตามมาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี
จำเลยฎีกา
คดีมีปัญหาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือชกทำร้ายผู้เสียหายถูกที่ขอบตาขวา ขอบตาช้ำบวม เลือดออกใต้ตาขวา ข้อเท็จจริงได้ความตามทางพิจารณาว่า จำเลยชกต้นคอผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บ และใช้สันขวานตีถูกที่ขอบตาขวาของผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จะถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ากริยาอาการที่จำเลยใช้มือชกหรือสันขวานตีทำร้ายผู้เสียหาย แม้จะไม่เหมือนกันแต่ก็มีลักษณะใกล้เคียงหรือคล้ายคลึงกัน แม้จำเลยจะใช้สันขวานทำร้ายซึ่งไม่ตรงกับฟ้อง ก็เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดที่โจทก์ต้องกล่าวบรรยายในฟ้อง อันเป็นข้อแตกต่างมิใช่ในข้อสารสำคัญ และจำเลยก็มิได้หลงข้อต่อสู้เพราะจำเลยให้การปฏิเสธ ดังนั้น ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้
พิพากษายืน