คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมสลักหลังส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ให้ ซ. ซ. นำเช็คไปยื่นเข้าบัญชีที่ธนาคาร ธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ธนาคารปฏิเสธนั้นเป็นวันเกิดเหตุเพราะความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อขณะนั้น ซ. เป็นผู้ทรงเช็ค ซ. จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา แม้ต่อมาโจทก์ร่วมจะได้ชำระเงินตามเช็คให้ ซ. ไปแล้วก็ไม่ก่อให้โจทก์ร่วมเกิดสิทธิเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ การสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ร้องทุกข์จึงไม่ชอบเท่ากับไม่มีการสอบสวนตามกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วม(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2520)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องใจความว่า จำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่าวาระกัน กล่าวคือ จำเลยออกเช็คของธนาคารกสิกรไทย จำกัดสั่งจ่ายเงิน 12,000 บาท ชำระหนี้ค่าซื้อเพชรพลอยและทองรูปพรรณให้แก่นางฉัตรจรูญ วรรณเภรี ลงวันที่สั่งจ่ายวันที่ 13 กรกฎาคม 2517 ต่อมาวันที่ 10มีนาคม 2517 นางฉัตรจรูญ มอบเช็คดังกล่าวให้แก่นายซอเคียม แซ่เอง เพื่อชำระหนี้ และจำเลยออกเช็คของธนาคารกสิกรไทย จำกัด สั่งจ่ายเงิน 13,000บาท ชำระค่าซื้อเพชรพลอยและทองรูปพรรณให้แก่นางฉัตรจรูญ วรรณเภรี สั่งจ่ายเงินวันที่ 31 กรกฎาคม 2517 นางฉัตรจรูญ วรรณเภรี มอบเช็คดังกล่าวเป็นการชำระหนี้ให้แก่นายซอเคียม แซ่เอง ต่อมานายซอเคียม แซ่เอง นำเช็คไปเข้าบัญชีให้เรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น นายซอเคียม แซ่เอง จึงนำเช็คทั้งสองฉบับมามอบคืนให้แก่นางฉัตรจรูญวรรณเภรี นางฉัตรจรูญผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานภายในอายุความแล้ว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2

ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

วินิจฉัยว่า ศาลฎีกาโดยมติของที่ประชุมใหญ่พิเคราะห์แล้ว ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้นเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ในคดีนี้ปรากฏว่า โจทก์ร่วมสลักหลังเช็คส่งมอบเช็คทั้งสองฉบับเป็นการชำระหนี้แก่นายซอเคียม แซ่เอง นายซอเคียมจึงเป็นผู้ทรงเช็คตามกฎหมาย ครั้นนายซอเคียมนำเช็คไปยื่นแล้ว ธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 15 กรกฎาคม 2517 และ 2 สิงหาคม 2517 ตามลำดับ วันที่ทั้งสองนั้นเป็นวันเกิดเหตุ ขณะนั้นนายซอเคียมเป็นผู้ทรงเช็ค นายซอเคียมจึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา หาใช่โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายไม่ แม้ว่าต่อมาโจทก์ร่วมจะได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่นายซอเคียมไปแล้วก็ไม่ก่อให้โจทก์เกิดสิทธิเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา เมื่อโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายในคดีนี้ โจทก์ร่วมก็ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนที่กระทำไปจึงไม่ชอบ เท่ากับไม่มีการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 120 พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ส่วนโจทก์ร่วมนั้นเมื่อไม่ใช่ผู้เสียหายแล้วก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญา คดีไม่จำต้องวินิจฉัยถึงปัญหาข้อเท็จจริงที่โจทก์ฎีกามา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share