คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 มิได้เป็นแพทย์และมิได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลป์ จัดให้มีการโฆษณาว่าสามารถรักษาโรคหลายชนิดให้หายได้ ประชาชนหลงเชื่อได้พากันไปรับรักษาโรคต่างๆกับจำเลยที่ 1 วันละประมาณ 50-60 คน แต่ไม่หายเพราะจำเลยที่ 1 มิได้รักษาโรคตามวิธีที่ถูกต้อง ในการรักษาดังกล่าวจำเลยคิดค่ารักษาคนละ 59 บาทดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากการหลอกลวง จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ผู้ตายเป็นโรคน้ำเลี้ยงสมองโป่งพองมีเนื้อโป่งพองที่ดั้งจมูกมาแต่กำเนิดมารดาพาไปให้จำเลยที่ 1 รักษาจำเลยที่ 1 ใช้เข็มฉีดยาเจาะเนื้อที่โป่งพองแล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลาย เมื่อเจาะแล้วมีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากรูที่เจาะไม่หยุด กับมีอาการซูบซีดลงและอ่อนเพลีย หลังจากนั้นอีก 6 วันก็ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม 2519 ถึงวันที่ 3 มิถุนายน2519 จำเลยทุกคน (12 คน) ได้ปลูกกระต๊อบประมาณ 10 หลังขึ้นในป่าช้าทำเป็นเรือนอาศัยและเรือนรักษาคนไข้ แล้วจำเลยได้พูดโฆษณาต่อประชาชนว่า จำเลยที่ 1 เป็นหมอวิเศษสามารถรักษาโรคอัมพาตและโรคต่าง ๆ หลายชนิดให้หายได้อันเป็นความเท็จความจริงจำเลยที่ 1 ไม่ใช่หมอวิเศษและไม่สามารถรักษาโรคตามที่โฆษณาอวดอ้างการหลอกลวงดังกล่าวทำให้ประชาชนหลงเชื่อไปทำการรักษากับจำเลยเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 661 คน รวมทั้งผู้เสียหาย 4 คนในคดีนี้ด้วย จำเลยคิดเงินค่ายกครู (ค่ารักษา) คนละ 56 บาทบ้าง 59 บาทบ้าง เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 38,999 บาท และต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2519 จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นนายแพทย์และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ ได้ทำการตรวจรักษาเด็กชายประดิษฐ์ สิงห์ทอง ผู้ตายซึ่งเป็นโรคน้ำเลี้ยงสมองโป่งพอง จำเลยที่ 1 กระทำการโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยใช้ปลายเข็มฉีดยาแทงเข้าไปที่ดั้งจมูกของผู้ตายแล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลาย เป็นเหตุให้น้ำเลี้ยงสมองของผู้ตายไหลออกมาจากรูเข็มแทงไม่หยุดและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จำเลยอาจใช้ความระมัดระวังได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 83 และ 291

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 10 และที่ 12 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และจำเลยที่ 1 คนเดียวผิดตามมาตรา 291 อีกกระทงหนึ่ง ลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน เว้นแต่จำเลยที่ 1 ลงโทษตามมาตรา 291 จำคุก 3 ปี รวมเป็น 3 ปี 6 เดือน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยอื่น

จำเลยที่ 1 และที่ 10 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาผู้ตัดสิน

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำการรักษาคนป่วยโดยมิได้เป็นแพทย์ เรียกค่ารักษารวมทั้งค่าธูปเทียนคนละ 59 บาท และมีการโฆษณาว่าจำเลยที่ 1 รักษาหายมามากแล้ว จำเลยที่ 1 มีวิธีรักษาโดยใช้มีดกรีดให้เป็นแผลแล้วเย็บด้วยเข็มและด้ายธรรมดาแล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลาย ใช้เข็มแทงเข้าไปบริเวณที่เจ็บปวดแล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลายให้จำเลยอื่นเอาส้นเท้าจุ่มน้ำมันหมูแล้วนำไปอังเหล็กที่เผาไฟนำมาเหยียบนวดที่ร่างกายคนป่วย ซึ่งไม่ใช่เป็นการรักษาตามวิชาแพทย์แผนโบราณหรือแผนปัจจุบัน และเป็นการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ผู้เสียหายก็มิได้หายจากโรคที่เป็นอยู่เพราะการรักษาของจำเลยที่ 1 เมื่อมีการเก็บเงินด้วยเช่นนี้การกระทำของจำเลยที่ 1 ซึ่งมิใช่แพทย์ มิได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะมาทำการรักษาคนป่วยเช่นนี้ จึงเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถรักษาคนป่วยให้หายจากโรคได้และจากการหลอกลวงดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ไปซึ่งทรัพย์สินคือเงินจากคนป่วย การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และการหลอกลวงของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวได้กระทำด้วยการโฆษณาต่อประชาชนมีคนป่วยมารับการรักษาวันละประมาณ 50-60 คน แสดงว่าคนป่วยมารับการรักษาเพราะมีการโฆษณาต่อประชาชนถึงความสามารถของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เด็กชายประดิษฐ์สิงห์ทอง ถึงแก่ความตายหรือไม่นั้น ได้ความว่าเด็กชายประดิษฐ์เป็นโรคน้ำหล่อเลี้ยงสมองโป่งพอง มีเนื้อโป่งพองที่ดั้งจมูกแต่กำเนิด แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตเด็กชายประดิษฐ์ร่างกายแข็งแรงดี จำเลยได้ให้การรักษาโดยใช้เข็มฉีดยาเจาะเนื้อที่โป่งพอง แล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลาย เมื่อเจาะมาแล้วมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาตามรูเข็มที่เจาะไม่หยุด เด็กชายประดิษฐ์ซูบซีดและถึงแก่ความตายในเวลาอีก 6 วันต่อมาเพราะสมองขาดน้ำเลี้ยง การที่จำเลยที่ 1 ไม่ใช่แพทย์และไม่มีความรู้ทางแพทย์มาทำการรักษาด้วยวิธีการอันไม่ถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เด็กชายประดิษฐ์ถึงแก่ความตาย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 อีกกระทงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share