คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อ อ.สามีโจทก์ตายทรัพย์สินของอ. ตลอดจนสิทธิหน้าที่ต่างๆ ซึ่งรวมทั้งหนี้จำนองที่จำเลยจำนองไว้กับอ. ย่อมเป็นมรดกตกทอดได้แก่โจทก์และทายาทตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะมรดก กรณีมิใช่อยู่ในบังคับเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเอาที่ดินของจำเลยจำนองประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้ไปจากนายอ้อน เล็กน้อย เป็นเงิน 90,000 บาท ต่อมานายอ้อนตาย โจทก์เป็นภรรยาได้จดทะเบียนรับมรดกจำนองแล้ว จำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ขอบังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย 157,50 บาท แล้วไถ่ถอนจำนอง หากจำเลยไม่ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองขอให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์

จำเลยให้การว่า ได้จำนองที่ดินตามฟ้องจริง โจทก์ไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายอ้อน ไม่มีสิทธิรับโอนมรดกจำนอง จำเลยไม่ได้ยินยอมในการที่โจทก์รับมรดก หนี้จำนองได้เปลี่ยนเป็นจำนองไม่มีกำหนดเวลาและเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ โจทก์ไม่ได้บอกกล่าวการโอนมรดกเป็นเจ้าหนี้จำนองให้จำเลยทราบเป็นหนังสือ การจดทะเบียนโอนมรดกเป็นโมฆะ จำเลยชำระดอกเบี้ยทุกปีจนถึงปีที่นายอ้อนตาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนองรวมดอกเบี้ยเป็นเงิน157,500 บาท แล้วไถ่จำนอง และให้ใช้ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท 25 สตางค์ต่อเดือนในต้นเงิน 90,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าจำเลยไม่ไถ่ถอนจำนองให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1 บาท 25 สตางค์ต่อเดือนในต้นเงิน 90,000 บาท นับแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2514 ถึงวันฟ้องแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาเรื่องการโอนหนี้จำนองรายพิพาทข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายอ้อนกับโจทก์เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อนายอ้อนสามีโจทก์ตาย ทรัพย์สินของนายอ้อนตลอดจนสิทธิหน้าที่ต่าง ๆ ซึ่งรวมทั้งหนี้จำนองรายนี้ย่อมเป็นมรดกตกทอดได้แก่โจทก์และทายาทตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะมรดกกรณีมิใช่อยู่ในบังคับเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 306 ดังนั้น การที่โจทก์รับมรดกหนี้จำนองรายพิพาท จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว

พิพากษายืน

Share