คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 วรรคสามเกินคำขอของโจทก์ เพราะโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 จึงเป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1760/2509)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2518 จำเลยมีอาวุธปืนและลูกระเบิดไว้ในครอบครอง และเมื่อตำรวจขอตรวจค้น จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าตำรวจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,289, 80 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และสั่งริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน เป็นกรรมเดียวกับข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และระหว่างพิจารณามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 289, 80 ให้ลงโทษตามมาตรา 289,80 ประกอบกับมาตรา 52 จำคุกตลอดชีวิต อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน กับวัตถุระเบิด จำเลยมีไว้เพื่อใช้และใช้ในการกระทำความผิด ให้ริบ ส่วนเชือกและมีดของกลางยังฟังไม่ได้ว่า มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด ให้คืนเจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้อาวุธปืนและมีลูกระเบิดมือขัดขวาง ผู้เสียหายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 140 วรรคสาม ซึ่งโจทก์สืบสมฟ้อง แต่โจทก์อ้างบทมาตราผิดเป็นมาตรา 138 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ถูกต้อง พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 3 จำคุก3 ปี ส่วนข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าเพื่อขัดขวางสิบตำรวจเอกชูประเทศมิให้จับกุมดังที่จำเลยแก้ฎีกา หาใช่มีเจตนาฆ่าสิบตำรวจเอกชูประเทศไม่ แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสาม ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ข้อ 3 นั้น เกินคำขอของโจทก์ เพราะโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 จึงเป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1760/2509

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 วรรคสอง ให้จำคุกจำเลย 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share