แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม โดยไม่อ้างเหตุตั้งประเด็นไว้ว่าปลอมอย่างไร ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้นั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ 18,000 บาท จะชำระดอกเบี้ยให้ร้อยละ 1 บาท 25 สตางค์ต่อเดือน แล้วจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญา
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นพิจารณา จำเลยแถลงรับว่า ลายมือชื่อที่เซ็นว่า “ศิริ เอี่ยมสำอาง” ในช่องผู้กู้และตรงด้านข้างสัญญากู้ใช่ลายเซ็นชื่อจำเลย แต่ข้อความและจำนวนเงินในสัญญากู้ไม่ถูกต้อง
เมื่อโจทก์นำพยานเข้าสืบเสร็จแล้ว จำเลยขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งด เพราะตามคำให้การของจำเลยไม่มีข้อต่อสู้โดยแจ้งชัดว่าโจทก์ทำปลอมอย่างไรไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ชั้นฎีกาคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยจากจำเลยจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินจากโจทก์ สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม เห็นได้ชัดว่าจำเลยต่อสู้คดีเรื่องสัญญากู้เอกสารปลอมเป็นประเด็นสำคัญ ข้อที่ว่าจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ ไม่ทำให้มีความหมายเปลี่ยนประเด็นเป็นอย่างอื่นคำให้การต่อสู้คดีที่ว่าสัญญากู้เป็นเอกสารปลอม โดยไม่อ้างเหตุตั้งประเด็นไว้ว่าปลอมอย่างไร เป็นเอกสารปลอมทั้งฉบับหรือปลอมเพียงบางส่วนนั้น ย่อมไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้
พิพากษายืน