แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีเจตนาจะฆ่านาง พ.นางย. เพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยยิงนาง พ.กับนางย.ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันเดียวกันมา แม้จะฟังว่าจำเลยยิงนาง พ.กับนางย.2-3 นัดก็ตาม ก็เป็นการยิงเพื่อเจตนาฆ่านาง พ.นางย. ให้ตายในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีก 2 คน ได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนางพร้อย และนางยุพา 2 นัด ขณะนางพร้อย นางยุพา และนายอุดรนั่งซ้อยท้ายรถจักรยานยนต์ของนายสมพงษ์ไป กระสุนปืนถูกนางพร้อยและนางยุพาตกลงจากรถจักรยานยนต์ โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่านางพร้อยและนางยุพา ให้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางพร้อยและนางยุพาได้ถึงแก่ความตายในวันนั้นเอง หลังจากยิงนางพร้อยและนางยุพาแล้ว จำเลยได้ยิงนายอุดรอีก1 นัด กระสุนปืนถูกที่ไหล่และสะบักขวาโดยเจตนาฆ่า เพื่อปกปิดความผิดและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่จำเลยกับพวกฆ่านางพร้อยและนางยุพาแต่นายอุดรไม่ถึงแก่ความตายเพราะแพทย์ช่วยไว้ทัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83, 289(7), 80
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 83, 80 ประกอบกับมาตรา 289(7) แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระกัน ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำเลยอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามแล้วในกระทงความผิดฐานฆ่านางพร้อยโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289(4)วางโทษจำคุกตลอดชีวิต ในกระทงความผิดฐานฆ่านางยุพาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289(4) วางโทษจำคุกตลอดชีวิต ในกระทงความผิดฐานพยายามฆ่านายอุดรเพื่อปกปิดความผิดหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ได้กระทำแล้ว ตามมาตรา 289(7) ประกอบมาตรา 80, 83 วางโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยในกระทงความผิดดังกล่าว 25 ปี 25 ปี และ 16 ปี 8 เดือน ตามลำดับ รวมโทษจำคุกทุกกระทงเป็นจำคุก 66 ปี 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 83 จำเลยอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 แล้ว ให้วางโทษจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 25 ปี
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระกันขอให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง และว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีหลักฐานเพียงพอฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้ปืนยิงนางพร้อย นางยุพา ถึงแก่ความตายจริง และเนื่องด้วยจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายคิดแก้แค้นแทนบิดาในการที่นายสมนึกบุตรนางพร้อยผู้ตายฆ่าบิดาจำเลยจึงเตรียมหาอาวุธปืน แล้วไปดักซุ่มอยู่ข้างทางที่ผู้ตายจะผ่าน คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยได้ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยได้ยิงนางอุดร
ในปัญหาเรื่องกรรมเดียวหรือหลายกรรมนั้น นายสมพงษ์พยานโจทก์เบิกความว่ายิง 2 นัด พอเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น นางพร้อยกับนางยุพาก็ตกจากรถพร้อม ๆ กัน นายอุดรว่ายิง 3 นัด นัดแรกถูกนางพร้อย นัดที่สองถูกนางยุพาและนัดที่สามถูกนายอุดรเอง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่านางพร้อยกับนางยุพาเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยยิงนางพร้อยกับนางยุพาขณะนั่งซ้อยท้ายรถจักรยานยนต์คันเดียวกันมา แม้จะฟังว่าจำเลยยิงนางพร้อยกับนางยุพา 2 -3 นัด ดังพยานโจทก์เบิกความก็ตาม ก็เป็นการยิงเพื่อเจตนาฆ่านางพร้อย นางยุพาให้ตายในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว อันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ฯลฯ
พิพากษายืน