แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ว. เป็นคนไปพูดหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะพาไปทำงานด้วยกันกับนางสาว พ. พี่สาวที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายตกลงไปตามคำหลอกลวงแล้วว. ก็พาผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลย และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยและ ว.กับพวกก็พาผู้เสียหายไปค้าประเวณีที่กรุงเทพฯ โดยไม่ต้องมีการตกลงนัดหมายอะไรกันอีก พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยจำเลยและ ว. กับพวกได้คบคิดกันมาก่อนว่าจะล่อหรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยใช้อุบายหลอกลวง โดยกำหนดหน้าที่ให้ ว. ไปใช้อุบายหลอกลวง ล่อหรือชักพาผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันไว้นั้น เมื่อได้ตัวผู้เสียหายมาแล้วจำเลยและ ว. กับพวกก็พาไปบังคับให้ค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคสอง มาตรา 83 แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายวิชัย สมบูรณ์ กับพวกอีก 2 คน ร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพานางสาวเพลิน โพธิ อายุ 17 ปี ไปเพื่อการอนาจารและเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น โดยนายวิชัยได้ใช้อุบายหลอกลวงนางสาวเพลินว่าจะพาไปตามหาพี่สาวที่จังหวัดลำปาง นางสาวเพลินหลงเชื่อได้ตามนายวิชัยไป แต่นายวิชัยกลับพานางสาวเพลินไปให้จำเลยกับพวกแล้วจำเลยและนายวิชัยกับพวกได้พานางสาวเพลินไปกรุงเทพมหานคร บังคับขู่เข็ญให้ค้าประเวณี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282, 283, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 283, 83 ฯลฯ จำคุก 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยร่วมกับพวกเฉพาะเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น มิได้เป็นผู้ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายไปจากบ้านด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 83 จำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ด้วย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นธุระจัดหาหรือชักพานางสาวเพลินซึ่งมีอายุ 17 ปี ไปเพื่อให้ไปค้าประเวณี คดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวโดยใช้อุบายหลอกลวงนางสาวเพลินผู้เสียหายด้วยหรือไม่ เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า นายวิชัยหรือชาติหรือสุชาติเป็นคนไปพูดหลอกลวงนางสาวเพลินว่าจะพาไปทำงานด้วยกันกับพี่สาวก็ตาม แต่เมื่อนางสาวเพลินตกลงไปตามคำหลอกลวงแล้ว นายวิชัยก็พานางสาวเพลินไปที่บ้านจำเลย และในวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยและนายวิชัยกับพวกก็พานางสาวเพลินไปค้าประเวณีที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่ต้องมีการตกลงนัดหมายอะไรกันอีก พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยจำเลยและนายวิชัยกับพวกได้คบคิดกันมาก่อนว่าจะล่อหรือชักพานางสาวเพลินไปเพื่อการอนาจาร เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยใช้อุบายหลอกลวงและกำหนดหน้าที่ให้นายวิชัยไปใช้อุบายหลอกลวง ล่อหรือชักพานางสาวเพลินตามที่ได้คบคิดกันไว้นั้น เมื่อได้ตัวนางสาวเพลินมาแล้วจำเลยและนายวิชัยกับพวกก็พาไปบังคับให้ค้าประเวณี จึงต้องถือว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคสอง แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซ ึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 5 ปี