แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยไปลงหุ้นจำนวน 350,000 บาท จำเลยได้ยักยอกเงินจำนวนนั้นไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เมื่อปรากฎว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันตามเอกสารหมาย ล.1 มีข้อความว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไป 350,000 บาทแล้ว ไม่สามารถใช้หนี้จำเลยให้บุคคลอื่นชำระหนี้แทนโยจำเลยเช็คเป็นประกันแก่บุคคลนั้นไว้ โจทก์ตกลงตามนั้น แสดงว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเอกสารหมาย ล.1 ขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทในเรื่องเงินที่จำเลยได้รับไปจากโจทก์แล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชักชวนโจทก์ให้เข้าหุ้นค้ายารักษาโรค โดยบอกโจทก์ว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกาสินปาร์ม่าที่จำเลยมีหุ้นอยู่ส่งมาขายให้แก่ร้ายขายยาทั่วราชอาณาจักรได้กำไรดี ร้ายขายยารุ่งเรืองฟาร์มาซีที่เชียงใหม่และร้านขายยาไพศาลเวชภัณฑ์ที่พิษณุโลกก็เป็นหุ้นส่วนด้วย ถ้าโจทก์จะเข้าหุ้นจำเลยรับจัดการให้ โจทก์ตกลงเข้าหุ้นด้วยได้มอบเงินแก่จำเลย 4 ครั้ง เป็นเงิน 350,000 บาท เพื่อให้จำเลยไปจดทะเบียนเข้าหุ้นส่วนกับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกาสินฟาร์มาซี จำเลยรับเงินไปจากโจทก์แล้ว มิได้นำเงินไปเข้าหุ้นส่วนตามที่ตกลงไว้กับโจทก์ ทั้งนี้จำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเงินจำนวน 350,000 บาทไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยหรือบุคคลที่สามเสีย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และในวันที่ 8 มีนาคม 2520 โจทก์ได้ไปที่ห้างหุ้นส่วงนสามัญนิติบุคคลกาสินฟาร์ม่าเพื่อทวงถามเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์คืน จำเลยได้ปิดประตูเหล็กยืดด้านหน้าของห้างกักขังโจทก์ไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยจำเลยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 310, 91
ก่อนไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์จำเลยแถลงยอมรับว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาชดใช้หนี้สินกันแล้วตามเอกสารหมาย ล.1 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ให้ไต่สวนในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 แล้วมีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะมาตรา 310 จึงประทับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป ส่วนข้อหาตามมาตรา 352 นั้น โจทก์จำเลยยอมความกันถูกต้องตามกฎหมายแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามมาตรา 352
โจทก์อุทธรณ์ว่า สัญญาตามเอกสารหมาย ล.1 มิใช่เรื่องยอมความกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาตามเอกสารหมาย ล.1 จริงตามสัญญาดังกล่าวมีข้อความว่า จำเลยยืมเงินโจทก์ไป 350,000 บาท แล้วไม่สามารถใช้หนี้ จำเลยให้นายมานพผู้จัดการบริษัทแหลมทองการแพทย์จำกัด ชำระหนี้แทนโดยจำเลยออกเช็คไว้เป็นประกันแก่นายมานพโจทก์ตกลงตามนี้ แสดงว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเอกสารหมาย ล.1 ขึ้นเพราะระงับข้อพิพาทในเรื่องเงินที่จำเลยได้รับไปจากโจทก์ โดยเหตุที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คดีนี้อ้างว่าได้มอบเงินให้จำเลยไปลงหุ้น แต่สัญญาหมาย ล.1 โจทก์กลับลงลายมือชื่อยอมรับว่าเป็นเรื่องที่จำเลยยืมเงินไปจากโจทก์ไป เหตุนี้ข้อหาฐานยักยอกย่อมฟังไม่ได้อยู่ในตัว ศาลชั้นต้นจึงให้งดไต่สวนมูลฟ้องข้อหานี้ จึงเห็นว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ข้อหาฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จึงระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
พิพากษายืน