แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปลูกบ้านอย่างถาวรในที่พิพาทมา 10 กว่าปีความผิดฐานบุกรุกนั้นเกิดขึ้นเมื่อจำเลยเข้าไปปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้เสียหาย ไม่ใช่เป็นความผิดอยู่ตลอดเวลาที่จำเลยอยู่ในเรือนในที่ดินที่ได้บุกรุกหรือตลอดเวลาที่เรือนยังปลูกอยู่ความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โจทก์จึงต้องฟ้องภายใน 10 ปี นับแต่วันที่จำเลยเข้าไปปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้เสียหาย แต่โจทก์ฟ้องเมื่อพ้น 10 ปีนับแต่วันที่จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้เสียหาย คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2518 ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2518 จำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินมีโฉนดอำเภอเมืองจังหวัดนครสวรรค์ของนางสวงผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าที่ที่จำเลยบุกรุกเป็นของโจทก์ และจำเลยบุกรุกตั้งแต่เมื่อใดแน่ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้บุกรุกที่ดินโจทก์ ขณะนี้เรือนจำเลยยังอยู่ในที่พิพาทถือว่าบุกรุกอยู่ตลอดไป พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยได้เข้าไปปลูกเรือนอยู่ในที่พิพาทเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งเป็นสูติบัตรของเด็กหญิงสุมาลีบุตรจำเลยก็ระบุว่าเกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2506 ในท้องที่ที่ดินที่พิพาทตั้งอยู่ แสดงว่าในขณะนั้นจำเลยปลูกเรือนอยู่ในที่พิพาทแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดฐานบุกรุกเกิดขึ้นเมื่อจำเลยเข้าไปปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้เสียหาย หาใช่เป็นความผิดตลอดเวลาที่จำเลยอยู่ในเรือนในที่ดินที่ได้บุกรุก หรือตลอดเวลาที่เรือนยังปลูกอยู่ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ ความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โจทก์จึงต้องฟ้องภายใน 10 ปีนับแต่วันที่จำเลยเข้าไปปลุกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้เสียหาย เมื่อฟังว่าจำเลยเข้าไปในที่พิพาทก่อนวันที่ 8 กรกฎาคม 2506 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 1ธันวาคม 2518 คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับเป็นให้ยกฟ้องโจทก์