คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านซื้อที่ดินโฉนดพิพาทซึ่งรวมที่ดินพิพาทมาด้วย จาก ส. ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์โดยสุจริต ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วก่อนที่ผู้คัดค้านจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจาก ส. แต่เมื่อผู้ร้องมิได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ร้องจึงยกเอาสิทธิที่ได้มาอยู่ก่อนและยังมิได้จดทะเบียน นั้นขึ้นใช้ยันผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดย เสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสองแม้ผู้ร้องจะยังครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาก็ต้องเริ่มต้นนับระยะเวลาครอบครองใหม่ เมื่อยังไม่ถึง 10 ปี สิทธิของผู้ร้องจึงยกขึ้นอ้างต่อผู้คัดค้านไม่ได้
ผู้คัดค้านลงชื่อเป็นผู้แก้อุทธรณ์เอง และแม้ว่าทนายผู้คัดค้านจะลงชื่อเป็นผู้เรียงคำแก้อุทธรณ์ แต่ตามใบแต่งทนายความไม่ปรากฏว่ามีข้อความให้ทนายผู้คัดค้านมีอำนาจ ดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์แทนผู้คัดค้าน จึงเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านยื่นคำแก้อุทธรณ์เองโดยมิได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ ดังนี้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนผู้คัดค้านมิได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 ตำบลสีพยาอำเภอพลอยแหวน (ท่าใหม่) จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีชื่อนางชม้อย ฝักใฝ่พวก เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นบางส่วนคิดเป็นเนื้อที่ 2 ไร่ 5 ตารางวา มาเป็นเวลาประมาณ 40 ปี โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องหาได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างไม่ เพราะเหตุว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาที่จะแย่งการครอบครองที่ดินของผู้คัดค้านบางส่วนในที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 ผู้ร้องเพียงครอบครองโดยสำคัญผิดว่าที่ดินในส่วนที่ผู้ร้องครอบครองนั้นอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 132 ตำบลสีพยา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ของผู้ร้อง แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินดังกล่าวมาช้านานเพียงใด ผู้ร้องก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ ผู้คัดค้านได้รับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 ตำบลสีพยา อำเภอพลอยแหวน (ท่าใหม่) จังหวัดจันทบุรี เนื้อที่ทั้งหมด 6 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวามาจากนายสงบ สถานดี โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2528 แม้จะฟังได้ว่าผู้ร้องครอบครองปรปักษ์ที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 จำนวน 2 ไร่ 5 ตารางวา จนได้กรรมสิทธิ์ก็ตาม แต่ผู้ร้องยังมิได้ดำเนินการแก้ไขทางทะเบียนจึงไม่อาจยกขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านซึ่งรับโอนมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ขอให้ยกคำร้องขอพร้อมทั้งให้ผู้ร้องและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องขอ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 ตำบลสีพยาอำเภอพลอยแหวน (ท่าใหม่) จังหวัดจันทบุรี เนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวาโดยซื้อมาจากนายสงบ สถานดี เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2528 ผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินบางส่วนอันเป็นที่ดินพิพาทเนื้อที่ 2 ไร่ 5 ตารางวา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าวในบริเวณเส้นสีเขียว ตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย ร.2 โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 40 ปีเศษ

มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าผู้คัดค้านหรือไม่ วินิจฉัยพยานหลักฐานผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้วเชื่อได้ว่า ตอนที่ผู้คัดค้านซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 ผู้คัดค้านไม่ทราบว่าผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 3333 มาเป็นเวลานานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้คัดค้านซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3333ซึ่งรวมที่ดินพิพาทด้วยจากนายสงบโดยสุจริต ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วก่อนที่ผู้คัดค้านจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากนายสงบ แต่เมื่อผู้ร้องมิได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ร้องจึงยกเอาสิทธิที่ได้มาอยู่ก่อนและยังมิได้จดทะเบียนนั้นขึ้นใช้ยันผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง แม้ผู้ร้องจะยังครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาก็ต้องเริ่มต้นนับระยะเวลาครอบครองใหม่ ซึ่งก็ยังไม่ถึง 10 ปี สิทธิของผู้ร้อง จึงยกขึ้นอ้างต่อผู้คัดค้านไม่ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าผู้คัดค้าน

อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนผู้คัดค้านนั้น ปรากฏว่าผู้คัดค้านลงชื่อเป็นผู้แก้อุทธรณ์เอง และแม้ว่าทนายผู้คัดค้านจะลงชื่อเป็นผู้เรียงคำแก้อุทธรณ์ แต่ตามใบแต่งทนายความลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2538 ก็ไม่ปรากฏว่ามีข้อความให้ทนายผู้คัดค้านมีอำนาจดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์แทนผู้คัดค้านแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านยื่นคำแก้อุทธรณ์เอง มิได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะพิพากษาให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนผู้คัดค้านมิได้

พิพากษายืน แต่ผู้ร้องไม่ต้องใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนผู้คัดค้าน

Share