แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่จำเลยตัดสายห้ามล้อรถยนต์เพื่อมิให้โจทก์ออกจากบ้านยังห่างไกลต่อการที่จะฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายโจทก์ และแม้โจทก์จำเลยทะเลาะกันเป็นประจำก็ฟังไม่ได้ว่าเป็นการร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในเหตุหย่าเพียงว่า การที่จำเลยลอบตัดสายห้ามล้อรถยนต์ของโจทก์นั้น ถือว่าเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการร้ายแรงได้หรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสและอยู่กินกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 มีบุตรด้วยกัน 3 คน เพิ่งเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันในเดือนกันยายน 2521 พอเดือนมกราคม 2522 จำเลยลอบตัดสายห้ามล้อรถยนต์คันที่โจทก์ขับโจทก์ถือว่าจำเลยทำการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง เพราะอาจทำให้โจทก์เป็นอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายได้ จำเลยนำสืบว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นและโจทก์ออกจากบ้านเสมอทุกวันเสาร์อาทิตย์ จำเลยจึงตัดสายห้ามล้อรถยนต์เพื่อมิให้โจทก์ออกจากบ้านดังนี้ เห็นว่าการที่จำเลยตัดสายห้ามล้อรถยนต์ของโจทก์ยังห่างไกลต่อการที่จะฟังว่าจำเลยได้ทำร้ายโจทก์อยู่แล้ว การทำร้ายจะต้องเป็นการร้ายแรงอีกด้วย จึงจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามมาตรา 1516(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ ดังนั้น แม้คดีของโจทก์จะได้ความว่าโจทก์จำเลยทะเลาะกันเป็นประจำ แต่จำเลยนำสืบว่า เหตุที่ทะเลาะกับโจทก์ก็เพราะโจทก์ไปติดพันหญิงอื่น จึงไม่อาจประมวลเอาเหตุร้ายอื่น ๆ ที่โจทก์นำสืบมาประกอบเหตุหย่าข้อนี้ให้ฟังขึ้น”
พิพากษายืน