แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้ข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไว้ในครอบครองจะต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ก็เป็นความผิดที่เกี่ยวพันกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนนั้น เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ชุดเดียวกันเป็นที่สงสัยและเป็นพิรุธ ลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ยกฟ้องถึงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองด้วย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 11 ปี จำเลยฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไว้ในครอบครองนั้น แม้ต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม แต่เป็นความผิดที่เกี่ยวพันกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายดังกล่าวมาแล้วข้างต้น และเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ชุดเดียวกันเป็นที่สงสัยและเป็นพิรุธ ลงโทษจำเลยไม่ได้ เช่นนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ยกฟ้องถึงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองนั้นเสียด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ริบยาเสพติดของกลาง คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ”