แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขอแก้ฟ้องโดยเพิ่มสถานที่เกิดเหตุอีกแห่งหนึ่งเป็นการขอแก้รายละเอียด ถ้าไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ่ จำเลยไม่เสียเปรียบ ขอแก้ได้. พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ใช้เป็นบทเพิ่มโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำก่อนวันใช้ พ.ร.บ. นี้ด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมตนเป็นตำรวจจับกุมนายเทียบว่าไม่ปิดอากรแสตมป์ในใบรับเงิน ได้เรียกเงิน ๒ บาทจากนายเทียบเพื่อจะไม่เอาความ  แล้วทำร้ายนายเทียบแบ่งเอาเงินไปได้อีก ๑๐ บาท ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว ๕ ครั้งขอให้ส่งตัวไปกักกัน  ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้จริง  แต่ข้อหาเรื่องปลอมตนเป็นตำรวจนั้น  โจทก์ขอแก้ฟ้องเรื่องสถานที่เกิดเหตุ  ซึ่งจำเลยได้ให้การปฏิเสธไว้แล้ว  ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ให้ยกคำร้องและยกฟ้องนี้เสีย  คงลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ และให้ส่งตัวไปกักกันอีก ๕ ปี.
จำเลยอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่โจทก์ขอแก้ฐานที่เกิดเหตุให้ตรงกับความจริงนั้น  ไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้และไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบอย่างใดจึงอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้  ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๒๗ กฏหมายอาญาอีกกะทงหนึ่ง  นอกจากที่แก้  คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฏีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ในเรื่องเกิดเหตุนั้น เป็นการขอแก้รายละเอียดแห่งฟ้องและไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้  เพราะปรากฏว่าตำบลที่โจทก์ขอแก้และเพิ่มเติมนั้นอยู่ติดต่อกันนั้นเอง  ส่วนฏีกาเรื่องพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายนั้นเห็นว่า แม้พระราชบัญญัติกักกันจะออกใช้ภายหลังการกระทำผิดครั้งก่อน ๆ ของจำเลยก็ดี  ก็ใช้เป็นบทเพิ่มโทษสำหรับความผิดครั้งก่อนๆ นั้นได้ เพราะมุ่งหมายลงโทษแก่ผู้ไม่เข็ดหลาบ ส่วนการที่จำเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษนั้น  ก็หาได้หมายความว่าการกระทำของจำเลยได้รับยกเว้นว่าไม่เป็นความผิดไม่  เพียงแต่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นเท่านั้น  จึงพิพากษายืน

