คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเสพกัญชา อ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57 อันเป็นบทห้ามแต่มิได้อ้าง มาตรา 92 ซึ่งเป็นบทลงโทษไม่ใช่เรื่องโจทก์ ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลลงโทษจำเลยตาม มาตรา 92 ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติฝิ่น และฐานมีกัญชาแต่ฐานเสพกัญชาโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา จึงลงโทษไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจร่วมกันเสพกัญชาโดยผิดกฎหมาย และอ้างบทห้ามกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่ไม่ได้อ้างมาตรา 92 อันเป็นบทลงโทษสำหรับความผิดดังกล่าวมาด้วย ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) บัญญัติว่า คำฟ้องจะต้องอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดซึ่งคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องมาแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยได้ร่วมกันเสพกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างบทมาตรา 57 อันเป็นบทห้ามกระทำผิดมาด้วย ดังนี้แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 92 ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐานร่วมกันเสพกัญชาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 1 เดือน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 92 เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 อีก 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 92 คงเป็นโทษจำคุก 40 วัน จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 1ไว้ 20 วัน จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 15 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทุกประการ”

Share