แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
ขณะพนักงานสอบสวนจังหวัดนครสวรรค์เริ่มทำการสอบสวน ยังไม่ทราบแน่ว่าจำเลยร่วมกับ พ. ทำการลักทรัพย์ หรือจำเลยเพียงกระทำผิดฐานรับของโจร หากเป็นการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ย่อมไม่แน่ว่าได้กระทำผิดในท้องที่ใดตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์จนถึงจังหวัดสิงห์บุรี แม้ต่อมาได้ความตามทางสอบสวนว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรในท้องที่จังหวัดสิงห์บุรีและได้มีการฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้ก็ถือว่าพนักงานสอบสวนจังหวัดนครสวรรค์ได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับเอาไว้ซึ่งหม้อแบตเตอรี่เก่าของนายสุพจน์ ซึ่งถูกคนร้ายลักไว้จากคนร้ายโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เหตุเกิดที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 และสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับเป็นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายมีว่า ความผิดฐานรับของโจรที่จำเลยกระทำเกิดที่จังหวัดสิงห์บุรี มิได้ต่อเนื่องนับแต่จังหวัดนครสวรรค์จนถึงจังหวัดสิงห์บุรี พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองนครสวรรค์ทราบดีอยู่แล้วทำการสอบสวนคดีนี้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่ายังมิได้มีการสอบสวน พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายได้ให้นายพิเชษฐ์ ขับรถบรรทุกหม้อแบตเตอรี่เก่าของผู้เสียหายจากจังหวัดนครสวรรค์เพื่อนำไปส่งที่จังหวัดราชบุรี แล้วนายพิเชษฐ์ได้ยักยอกหม้อแบตเตอรี่ไปขายให้แก่จำเลยที่จังหวัดสิงห์บุรี จำเลยรับซื้อไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่นายพิเชษฐ์ยักยอกมา ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาดังกล่าวยังไม่พอแก่การวินิจฉัย ควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทไชยยันต์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ ผู้ทำการสอบสวนคดีนี้ว่า เมื่อจับตัวนายพิเชษฐ์ได้ นายพิเชษฐ์ให้การว่า ได้นำหม้อแบตเตอรี่ไปขายให้จำเลยที่จังหวัดสิงห์บุรี ครั้นจับจำเลยได้ พยานแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรดังนี้เห็นว่า ขณะร้อยตำรวจโทไชยยันต์เริ่มทำการสอบสวนยังไม่ทราบแน่ว่า จำเลยร่วมกับนายพิเชษฐ์ทำการลักทรัพย์ หรือจำเลยเพียงกระทำความผิดฐานรับของโจร หากเป็นการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ย่อมไม่แน่ว่าได้กระทำในท้องที่ใดตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์จนถึงจังหวัดสิงห์บุรี แม้ต่อมาได้ความตามทางสอบสวนว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรและได้มีการฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้ ก็ถือว่าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ได้ทำการสอบสวนโดยชอบ เพราะเป็นกรณีไม่แน่ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำในท้องที่ใดในระหว่างหลายท้องที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(1)
พิพากษายืน