แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมเพื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มิได้จำกัดแต่เฉพาะในทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางพาเข้าไปในห้องพักหรือพาเข้าไปในบริเวณตัวอาคารโรงแรมเท่านั้นเมื่อโจทก์มาพักโรงแรมของจำเลย และนำรถยนต์จอดไว้ที่โรงจอดรถหรือลานจอดรถในบริเวณโรงแรมโดยล็อคกุญแจประตูรถไว้ ต่อมารถสูญหายโดยถูกคนร้ายลักไป และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบทันทีจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดชดใช้ราคารถยนต์ 50,000 บาทแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า คืนวันเกิดเหตุ โจทก์ไปพักที่โรงแรมไทยนำโฮเต็ลของจำเลยโดยได้ขับรถยนต์กระบะบรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ช.บ.46412 ของโจทก์ไปด้วยและได้นำรถยนต์คันดังกล่าวจอดไว้ที่โรงจอดรถของโรงแรมแล้วล็อคกุญแจประตูรถโดยเรียบร้อย จากนั้นเจ้าหน้าที่โรงแรมก็นำโจทก์ไปเข้าห้องพักซึ่งอยู่ชั้นสอง รุ่งขึ้นเช้าปรากฏว่ารถยนต์ของโจทก์หายไป โจทก์ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่โรงแรมของจำเลยทราบและเจ้าหน้าที่โรงแรมได้แจ้งเหตุต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านโป่ง พนักงานสอบสวนจับกุมคนร้ายได้สองคนและได้ดำเนินคดีในข้อหาว่าร่วมกับพวกลักรถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์ ศาลพิพากษาลงโทษถึงที่สุดแล้ว แต่ไม่สามารถติดตามเอารถยนต์ของโจทก์คืนมาให้ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ คดีคงมีปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใดหรือไม่และในเรื่องค่าเสียหาย
โจทก์นำสืบว่า โจทก์ซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุมาในราคา 95,000 บาทเป็นเวลาประมาณสามปีครึ่ง หักค่าเสื่อมสภาพในอัตรา 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปีคงเหลือเป็นราคารถในขณะเกิดเหตุ 53,966.25 บาท
จำเลยนำสืบว่า โจทก์มาพักที่โรงแรมของจำเลยโดยขับรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถในบริเวณโรงแรมและเก็บรักษากุญแจรถไว้เอง จำเลยมิได้รับฝากไว้ โจทก์จะเอารถออกไปเมื่อใดก็ได้ และรถยนต์คันดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินที่โจทก์เอามาไว้ที่ห้องพักในโรงแรม จำเลยไม่ต้องรับผิด รถโจทก์มีสภาพเก่าและชำรุดมากเพราะใช้งานในป่า มีราคาประมาณ 10,000 บาท
ปัญหาข้อแรก เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยนั้น จำเลยฎีกาอ้างว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 และ 675 มุ่งหมายที่จะให้เจ้าสำนักโรงแรมรับผิดเพื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหายเฉพาะทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยพาเข้าไปในห้องพักหรือพาเข้าไปในบริเวณตัวอาคารโรงแรม มิใช่ให้รับผิดรวมถึงทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งอยู่นอกบริเวณตัวอาคารโรงแรมด้วยนั้น มาตรา 674 แห่งบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติว่า “เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆอันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยหากได้พามา” ข้อความที่ว่าทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยหากได้พามาตามบทบัญญัติมาตรานี้หมายถึงทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยได้พามาที่โรงแรมหรือโฮเต็ลหรือสถานที่ทำนองเช่นว่านั้น ด้วยเหตุนี้ แม้ถึงว่าความสูญหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก ณ โรงแรม โฮเต็ลหรือสถานที่เช่นนั้นเจ้าสำนักโรงแรมก็คงต้องรับผิดดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ดังนั้นความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมเพื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 674 และ 675 จึงมิได้จำกัดแต่เฉพาะในทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยพาเข้าไปในห้องพักหรือพาเข้าไปในบริเวณอาคารโรงแรมดังเช่นข้อกล่าวอ้างของจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้ความว่าโจทก์มาพักที่โรงแรมของจำเลยและได้นำรถยนต์กระบะบรรทุกคันเกิดเหตุมาจอดไว้ที่โรงจอดรถหรือลานจอดรถในบริเวณโรงแรมจำเลยโดยล็อคกุญแจประตูรถไว้ แล้วต่อมารถยนต์ของโจทก์ได้สูญหายโดยถูกคนร้ายลักไป และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบทันที จำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักโรงแรมก็ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่รถยนต์ของโจทก์ซึ่งโจทก์ได้พามาจอดไว้ที่โรงแรมของจำเลยดังที่กล่าวข้างต้น โดยข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันนี้ศาลฎีกาเคยพิพากษาเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่ 134/2523ระหว่างนายประเสริฐ สุวรรณชัย กับพวก โจทก์ นางศิริพร โคอินทรางกุล กับพวก โจทก์ นางศิริพร โคอินทรางกุล กับพวก จำเลย ดังนั้นข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์อ้างถึงจะตรงกับคดีนี้ดังที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกาหรือไม่ จึงไม่สำคัญ จำเลยจะยกข้อที่มิได้รับฝากรถยนต์คันดังกล่าวไว้และมิได้เรียกค่าเช่าห้องพักจากโจทก์เพิ่มขึ้นเพื่อปัดความรับผิดหาไม่ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับราคารถให้โจทก์เป็นเงิน 40,000 บาท