คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้อุทธรณ์และผู้เรียงอุทธรณ์มิได้ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์คำฟ้องอุทธรณ์จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่การที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องอุทธรณ์หรือศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้เพราะศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้พิจารณาพิพากษาคดีเสร็จไปแล้วศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาพิพากษาคดีนี้มาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 67

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,67 ให้จำคุก 5 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี โจทก์ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์และนายพิบูล สาครวาสี อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานอัยการเขต 7 ซึ่งเป็นผู้เรียงอุทธรณ์มิได้ลงชื่อผู้อุทธรณ์และผู้เรียงอุทธรณ์ในคำฟ้องอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่าคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่การที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องอุทธรณ์หรือศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้เพราะศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 7ได้พิจารณาพิพากษาคดีนี้เสร็จไปแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7พิจารณาพิพากษาคดีนี้มาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยต่อไป”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เสีย

Share