แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาขายลดเช็คได้กระทำกันก่อนลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องเป็นคดีล้มละลายเพียงเดือนเศษ ทั้งที่หนี้ตามสัญญาขายลดเช็คครั้งก่อน ๆ นั้น ผู้ขอรับชำระหนี้ยังไม่ได้รับชำระหนี้เลย ต่อมาก็ทำสัญญาขายลดเช็คกันอีกภายหลังถูกฟ้องคดีล้มละลายแล้ว แสดงว่าการขายทั้ง 2 คราวนี้เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงขอรับชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้ตาม พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94(2)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้รับชำระหนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ขอรับชำระหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2522 เป็นต้นมา ลูกหนี้ได้นำเช็คของลูกค้าไปทำสัญญาขายลดให้กับผู้ขอรับชำระหนี้หลายครั้ง และถูกฟ้องขอให้ชำระหนี้หลายคดีจนศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้ แต่ลูกหนี้ยังไม่ได้ชำระหนี้เหล่านั้นให้แก่ผู้ขอรับชำระหนี้เลย ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2523 ลูกหนี้ได้นำเช็คของลูกหนี้เองไปขายลดให้กับผู้ขอรับชำระหนี้ 5 ฉบับรวมเป็นเงิน 49,825,000 บาท โดยเช็คทั้ง 5 ฉบับนั้นลงวันที่ 20 มิถุนายน 2523 เมื่อเช็คทั้ง 5 ฉบับถึงเวลากำหนดเรียกเก็บเงินไม่ได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ได้ยื่นฟ้องลูกหนี้ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 8กรกฎาคม 2523 ในระหว่างพิจารณาของศาลแพ่งลูกหนี้ได้ถูกศาลแพ่งสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีนี้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2523 ผู้ขอรับชำระหนี้จึงได้ถอนฟ้องและมาขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ ก่อนผู้ขอรับชำระหนี้ฟ้องคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2523 ลูกหนี้ได้นำเช็คของลูกหนี้เองมาทำสัญญาขายลดให้กับผู้ขอรับชำระหนี้อีก 5 ฉบับคือเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สำนักงานใหญ่หมายเลขตั้งแต่ 617330 ถึง 617334 ทุกฉบับลงวันที่ 20 สิงหาคม 2523รวมเป็นเงิน 41,553,100 บาท การขายลดเช็คครั้งนี้เป็นการขายเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2523 บางส่วนหรืออีกนัยหนึ่งเป็นการขายลดเช็คต่ออายุสัญญาขายลดเช็คฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2523นั่นเอง ในระหว่างนี้ลูกหนี้ขอกู้เงินเพิ่มไปจากผู้ขอรับชำระหนี้อีกห้าแสนบาทอ้างว่าจะนำไปใช้ในการติดต่อหานายทุนคนใหม่มาชำระหนี้ให้แก่ผู้ขอรับชำระหนี้ โดยลูกหนี้ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สำนักงานใหญ่รวม5 ฉบับ คือหมายเลข 644966 ถึง 644970 ทุกฉบับลงวันที่ 2 พฤศจิกายน2523 เพื่อเป็นการชำระหนี้เดิมของลูกหนี้รวมเป็นเงิน 43,750,000 บาทส่วนเช็คห้าฉบับเดิมผู้ขอรับชำระหนี้ได้คืนให้ลูกหนี้ไป ศาลฎีกาเชื่อว่าสัญญาขายลดเช็ค 2 คราวหลังดังกล่าว มีมูลหนี้ต่อกันจริง แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องเป็นคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม2523 แสดงว่ายังมีเจ้าหนี้รายอื่นอีกมากรายซึ่งลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้จึงถูกฟ้องขอให้เป็นบุคคลล้มละลาย สัญญาขายลดเช็คฉบับลงวันที่ 20มีนาคม 2523 ได้กระทำกันก่อนลูกหนี้ถูกฟ้องขอให้เป็นบุคคลล้มละลายเพียงเดือนเศษ และได้กระทำขึ้นทั้ง ๆ ที่หนี้ตามสัญญาขายลดเช็คครั้งก่อน ๆนั้น ผู้ขอรับชำระหนี้ยังไม่ได้รับชำระหนี้เลย ส่วนสัญญาขายลดเช็คฉบับลงวันที่ 25 มิถุนายน 2523 ก็กระทำกันภายหลังที่ลูกหนี้ถูกฟ้องขอให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว พฤติการณ์แสดงว่าที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ขายลดเช็ค2 คราวหลังนี้ เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว ผู้ขอรับชำระหนี้จึงขอรับชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 94(2)”
พิพากษายืน