คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10443/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กู้เงินจากจำเลยและมอบหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่กรอกข้อความให้แก่จำเลยยึดถือไว้ โดยมีข้อตกลงด้วยว่าหากโจทก์ไม่มีเงินชำระคืนตามกำหนด ให้จำเลยนำเอกสารดังกล่าวไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยได้ การที่ต่อมาโจทก์ไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนจำเลยได้และจำเลยได้กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวแล้วนำไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย เป็นไปตามที่ตกลงกัน จำเลยจึงมีอำนาจกระทำได้ หนังสือมอบอำนาจจึงไม่ใช่เอกสารปลอม และนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยไม่เป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) จำเลยอ้างว่าโจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยทำนิติกรรมขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม เพราะโจทก์ไม่เคยทำหนังสือมอบอำนาจเพื่อทำนิติกรรมขายที่ดินให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมจดทะเบียนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย ขอให้พิพากษาว่านิติกรรมการจดทะเบียนขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆะ ให้จำเลยคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหนี้เงินกู้จำเลยจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ โจทก์จึงโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยเพื่อเป็นการชำระหนี้ โดยโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยเป็นผู้รับโอนที่ดินพิพาท พร้อมกับมอบสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการของโจทก์เพื่อเป็นหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นิติกรรมการจดทะเบียนของจำเลยเป็นโมฆะ คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค ๗ รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์กู้เงินจากจำเลย โดยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน และหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่ได้กรอกข้อความให้แก่จำเลยยึดถือไว้ โดยมีข้อตกลงด้วยว่า หากโจทก์ไม่มีเงินชำระคืนตามกำหนด ให้จำเลยนำเอกสารดังกล่าวไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยได้ มิใช่มอบให้แก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้เท่านั้น คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีอำนาจกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่ได้กรอกข้อความแล้วนำไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินพาทเป็นของจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์กู้เงินจากจำเลย และไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนจำเลยได้ การที่จำเลยกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจแล้วนำไปทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย เป็นไปตามที่ตกลงกัน จำเลยจึงมีอำนาจทำได้โดยชอบ หนังสือมอบอำนาจจึงไม่ใช่เอกสารปลอม และนิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยจึงไม่เป็นโมฆะ ที่โจทก์ฎีกาว่า การกู้เงินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ ต้องห้ามมิให้นำสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร และจำเลยไม่อาจยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) และที่ดินพิพาทต่อไปได้นั้น เห็นว่า เป็นเรื่องนอกประเด็น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share