คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ทวิ และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 1 ชนิด 1 เท่านั้น ถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวซึ่งใช้กันตามปกติและตามสมควร จึงจะไม่ถือว่าผู้ที่นำเข้ามาเป็นผู้ประกอบการค้า ส่วนรถยนต์นั่งอยู่ในประเภทการค้า 1 ชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็นของใช้ส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม เมื่อโจทก์เป็นผู้นำรถยนต์นั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากรและกรณีไม่มีข้อสงสัยอันจะต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายที่ต้องเสียในมูลหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อรถยนต์นั่งยี่ห้อคอเม็ต หมายเลขทะเบียนก.ท.ข.6549 ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นของใช้ส่วนตัวตามปกติและตามสมควร ได้ใช้ในระหว่างที่โจทก์ศึกษาอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 3 ปี โจทก์ได้นำรถยนต์ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้นำมาใช้ส่วนตัวตลอดมา เจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้ากรมสรรพากรได้แจ้งประเมินภาษีการค้าประเภทนำเข้ามาให้โจทก์เสียเป็นเงิน 10,887.14 บาท โจทก์ยื่นอุทธรณ์คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินยกอุทธรณ์ของโจทก์ ขอให้สั่งยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยการประเมินภาษีของกรมสรรพากรที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าให้จำเลยคืนเงินภาษี 10,887.14 บาท และค่าเพิ่มภาษี 1,088.71 บาท รวม 11,975 บาท 85 สตางค์

จำเลยให้การว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้าให้โจทก์เสียภาษีการค้าในฐานะผู้นำเข้าสำหรับรถยนต์นั่งของโจทก์ในประเภทการค้า 1 ชนิด 4 (ก) ตามบัญชีอัตราภาษีการค้า และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายทุกประการ

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานวินิจฉัยว่า โจทก์มีหน้าที่เสียภาษีการค้า พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ทวิ และบัญชีอัตราภาษีการค้า จะเห็นได้ว่าประเภทการค้า 1 ชนิด 1 เท่านั้น ถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวซึ่งใช้กันตามปกติและตามสมควร จึงจะไม่ถือว่าผู้ที่นำเข้ามาเป็นผู้ประกอบการค้าส่วนรถยนต์นั่งอยู่ในประเภทการ 1 ชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นของใช้ส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ทวิ(1)(ข) ให้ถือว่าผู้ที่นำเข้าในราชอาณาจักรเป็นผู้ประกอบการค้า เมื่อโจทก์เป็นผู้นำรถยนต์นั่งดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร โจทก์ผู้นำเข้าจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า และกรณีไม่มีข้อสงสัยอันจะต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งต้องเสียในมูลหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11 แต่อย่างใด

พิพากษายืน

Share