คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้เสียเป็นสามีภริยากันก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 และบรรพ 6 ความเป็นสามีภริยาและบุตรต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมียซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น เมื่อได้ความว่าชายหญิงได้อยู่กินเป็นสามีภริยาโดยเปิดเผยเป็นที่รู้กันทั่วๆไปว่าเป็นสามีภริยากัน ก็ถือได้ว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของสามี ย่อมมีสิทธิรับมรดกของสามี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้ามรดกเป็นบิดาโจทก์ มีภริยา 2 คน โจทก์เป็นบุตรของภริยาคนหนึ่ง จึงขอแบ่งที่ดินมรดกให้โจทก์ 1 ส่วนใน 7 ส่วน

จำเลยให้การว่า มารดาโจทก์ไม่ได้เป็นภริยาของเจ้าของมรดกโจทก์ไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายและไม่ใช่ผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก

ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เป็นบุตรนอกสมรสของเจ้ามรดกซึ่งเจ้ามรดกได้รับรองว่าโจทก์เป็นบุตร พิพากษาให้แบ่งที่ดินมรดกให้โจทก์ 1 ส่วนใน 7 ส่วน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า เจ้ามรดกกับมารดาโจทก์ได้เสียเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งบรรพ 5 และบรรพ 6 ต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย โจทก์จึงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก มีสิทธิรับมรดก พิพากษายืนตามผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า เจ้ามรดกกับมารดาโจทก์ได้เสียเป็นสามีภริยากันก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งบรรพ 5 และบรรพ 6 ความเป็นสามีภริยาและบุตรต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้น เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเจ้ามรดกกับมารดาโจทก์ได้อยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยเปิดเผยเป็นที่รู้กันทั่ว ๆ ไปว่าเป็นสามีภริยาก็ถือได้ว่าเจ้ามรดกกับมารดาโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายลักษณะผัวเมีย โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของเจ้ามรดกเกิดกับมารดาโจทก์จึงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ย่อมมีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดก

พิพากษายืน

Share