คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพียงแต่จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตาย โดยไม่ปรากฏว่า ร่วมคบคิดตระเตรียมการฆ่ามาก่อนแต่อย่างใดจะถือเอาเป็นการฆ่า โดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ได้
การที่จำเลยกับพวกไล่ยิงผู้ตายหลายนัดจนผู้ตายล้มลง ยังจ่อยิงศีรษะผู้ตายใช้ขวานฟันอีกหลายที และร้องว่าเอาให้ตาย นั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการทารุณโหดร้ายยิ่งไปกว่าการกระทำโดยเจตนาให้ตายในทันที

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงและใช้มีดฟันนายเจ๊ะเต๊ะ โดยเจตนาฆ่าไตร่ตรองไว้ก่อน ทารุณโหดร้าย เพื่อปกปิดความผิดและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 83

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยกระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง วางโทษประหารชีวิต แต่จำเลยรับว่าได้ยินเสียงปืน ทราบว่านายเจ๊ะเต๊ะถูกยิงและได้ขอให้ศาลไปดูที่เกิดเหตุ เป็นคุณความดีที่ทำให้ศาลมีโอกาสรู้เห็นข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษตามมาตรา 78, 52(1) ให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่เป็นการฆ่าทารุณ และเหตุที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นอ้างลดโทษก็ไม่เป็นเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตาย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยคบคิดกันมาซุ่มดักยิงผู้ตายเพราะมีเหตุอาฆาตพยาบาทอยู่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า เพียงแต่จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตาย ไม่ปรากฏว่าร่วมคบคิดตระเตรียมการฆ่ามาก่อนแต่อย่างใด จะถือเอาเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด ส่วนที่จำเลยกับพวกไล่ยิงผู้ตายหลายนัดจนผู้ตายล้มลงยังจ่อยิงศีรษะผู้ตาย และใช้ขวานฟันอีกหลายทีและร้องว่า เอาให้ตาย นั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือเป็นการทารุณโหดร้ายยิ่งไปกว่าการกระทำโดยเจตนาให้ตายในทันที การกระทำของจำเลยยังไม่ต้องด้วยข้อ 4 และ 5 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289

พิพากษายืน

Share