คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3237/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายมีบาดแผลฉีกขาดที่ด้านซ้ายของคอขนาดยาว 7 เซนติเมตรลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อคอและเส้นเลือดข้างคอ ตัดเส้นประสาทและกล้ามเนื้อข้างคอหลายมัด แพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าหากไม่ได้รับการรักษาโดยทันที อาจเสียเลือดและช็อคถึงแก่ชีวิตได้ ลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายถูกฟัน ที่คอ แม้จะไม่ได้ความชัดว่าอาวุธที่ใช้ฟันดังกล่าวเป็นมีดหรือขวานก็ตาม แต่การที่จำเลยกับพวกใช้อาวุธดังกล่าวฟันไปที่คอของผู้เสียหายอันเป็น ส่วนสำคัญของร่างกายจนได้รับบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา โดยทันทีแล้วผู้เสียหายจะถึงแก่ความตาย ฟังได้ว่าจำเลยกับพวกกระทำการ ดังกล่าวโดยมีเจตนาฆ่า เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 83

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) ให้จำหน่ายคดีโจทก์ในส่วนจำเลยที่ 3 จากสารบบความ

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83 จำคุกคนละ 10 ปี คำให้การจำเลยที่ 2 ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 6 ปี 8 เดือน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องเอกสารหมาย จ.7 ระบุว่าผู้เสียหายมีบาดแผลฉีกขาดที่ด้านซ้ายของคอขนาดยาว 7 เซนติเมตร ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อคอและเส้นเลือดข้างคอ ตัดเส้นประสาทและกล้ามเนื้อข้างคอหลายมัด โดยแพทย์ลงความเห็นว่าบาดแผลดังกล่าวจะใช้เวลาในการรักษาประมาณหนึ่งเดือนถ้าไม่มีแทรกซ้อน ซึ่งตามลักษณะบาดแผลดังกล่าวนายแพทย์วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ ผู้ตรวจรักษาเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า หากไม่ได้รับการรักษาโดยทันที ผู้เสียหายอาจเสียเลือดและช็อคถึงแก่ชีวิตได้ ลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายถูกฟันที่คอแม้จะไม่ได้ความชัดว่าอาวุธที่ใช้ฟันดังกล่าวเป็นมีดหรือขวานตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกถือมาก็ตามแต่การที่จำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธดังกล่าวฟันไปที่คอของผู้เสียหายอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายจนได้รับบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาโดยทันทีตามความเห็นของแพทย์แล้วผู้เสียหายจะถึงแก่ความตายจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกกระทำการดังกล่าวโดยมีเจตนาฆ่า เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามฟ้องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share