คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า มีการแบ่งปันที่ดินพิพาทให้โจทก์เข้าครอบครองเป็นส่วนสัด เมื่อปี 2533 อันเป็นการอ้างสิทธิในที่ดินพิพาทในฐานะที่เป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของ โจทก์หาได้อ้างสิทธิในที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตั้งแต่ปี 2522 ไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ปี 2522 โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท จึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำฟ้องเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายซ้ายและนางนิตย์ ปทะวานิช เป็นสามีภริยากันมีบุตร 6 คน คือโจทก์ จำเลย นายตรี ปทะวานิช นายสรรเสริญ ปทะวานิชร้อยตรีประสาน ปทะวานิช และนางสรวงนภา วงค์หอมเนียม ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2513 นายซ้ายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 246 และ 247 ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายซ้าย มีส่วนเป็นของนายตรี 1 ไร่ 2 งาน 53 ตารางวาเป็นของจำเลย 1 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา และเป็นของโจทก์ 2 ไร่ 1 งาน61 ตารางวา ต่อมานายตรี โจทก์และจำเลยตกลงแบ่งแยกที่ดินกันโดยให้นายตรีได้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 247 ผู้เดียวส่วนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246 ให้โจทก์และจำเลยแบ่งกันตามส่วนดังกล่าวซึ่งต่างได้ครอบครองที่ดินตามส่วนได้ของตนแล้วจำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขอแบ่งแยกที่ดินแปลงนี้ โดยแยกออกเป็นที่ดินของจำเลยตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1074 ที่ดินที่เหลือตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246 จึงเป็นของโจทก์ แต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนโอนใส่ชื่อโจทก์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246ขอให้พิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246 เนื้อที่2 ไร่ 1 งาน 61 ตารางวา เป็นของโจทก์ให้จำเลยในฐานะตัวแทนโจทก์จดทะเบียนโอนใส่ชื่อโจทก์ในที่ดินดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า มีการแบ่งมรดกของนายซ้ายแล้ว วันที่ 1 มีนาคม2533 จำเลยได้ขอแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของจำเลยออกเป็น 2 แปลง ในนามของจำเลยเพื่อแบ่งให้บุตรของจำเลย ซึ่งภายหลังเมื่อแบ่งแยกเสร็จแล้วที่ดินอีกแปลงหนึ่งมีเนื้อที่ 1 ไร่3 งาน 82 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1074 ส่วนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246 เหลือเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 61 ตารางวาเมื่อมีการรังวัดแบ่งแยกเรียบร้อยแล้วในวันที่ 16 มีนาคม 2535 เจ้าหน้าที่ที่ดินให้จำเลยไปจดทะเบียนทำนิติกรรมเกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดิน จำเลยไม่สามารถไปดำเนินการเองได้ จึงมอบอำนาจให้โจทก์ทำการแทนโดยลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจที่ยังไม่ได้กรอกข้อความใด ๆ ส่งไปให้โจทก์ แต่โจทก์กลับกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวอ้างว่าจำเลยมอบอำนาจให้โจทก์จดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246และจดทะเบียนยกให้โจทก์โดยเสน่หา ซึ่งไม่ตรงกับความประสงค์ของจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกเลิกหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวได้ ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 246 เป็นของจำเลย ทั้งคดีโจทก์ขาดอายุความมรดกแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ปี 2522 โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า มีการแบ่งปันที่ดินพิพาทให้โจทก์เข้าครอบครองเป็นส่วนสัดเมื่อปี 2533 อันเป็นการอ้างสิทธิในที่ดินพิพาทในฐานะที่เป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของ โจทก์หาได้อ้างสิทธิในที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตั้งแต่ปี 2522 ไม่ ฎีกาข้อนี้จึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำฟ้องเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share