แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องถึงความเป็นมาในการที่จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์อันเนื่องมาจากจำเลยขอเปิดบัญชีเดินสะพัดประเภทบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์ โดยตกลงที่จะปฏิบัติและยินยอมผูกพันตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์และยินยอมปฏิบัติตามประเพณีนิยมและวิธีการค้าของธนาคารพาณิชย์ จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วโดยไม่ต้องบรรยายว่าจำเลยได้เบิกเงินเกินบัญชีเมื่อไรเป็นเงินเท่าใด ดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เมื่อใด เป็นเงินเท่าใดซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขอเปิดบัญชีเดินสะพัดประเภทบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับโจทก์ ณ สาขานครราชสีมา โดยจำเลยตกลงที่จะปฏิบัติและยินยอมที่จะผูกพันตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ ทั้งยินยอมปฏิบัติตามระเบียบประเพณีและวิธีการค้าของธนาคารพาณิชย์ ในกรณีเงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่ายตามเช็คหากโจทก์ยอมผ่อนผันจ่ายเงินตามเช็คมากกว่าจำนวนเงินที่คงเหลือในบัญชี จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์จนครบพร้อมด้วยดอกเบี้ยหลังจากจำเลยเปิดบัญชีกับโจทก์แล้ว จำเลยนำเงินเข้าฝากและสั่งจ่ายเช็คถอนเงินในบัญชีหลายครั้ง ทำให้บัญชีเดินสะพัดเรื่อยมา คิดเพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2524 จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 164,093 บาท 74 สตางค์นับจากวันดังกล่าวถึงวันฟ้องจำเลยจึงเป็นหนี้โจทก์อยู่ 181,734 บาท94 สตางค์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเบิกเงินเกินบัญชีเมื่อไร เป็นเงินเท่าใด ดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เมื่อใดเป็นเงินเท่าใด คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แต่เห็นว่าศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยประเด็นที่ว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์หรือไม่เพียงใดพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดีในประเด็นที่ว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์หรือไม่เพียงใด
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นผู้เคยค้ากับโจทก์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2521 จำเลยได้ขอเปิดบัญชีเดินสะพัดประเภทบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับโจทก์สาขานครราชสีมา โดยจำเลยตกลงที่จะปฏิบัติและยินยอมผูกพันตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ ทั้งยินยอมปฏิบัติตามประเพณีนิยมและวิธีการค้าของธนาคารพาณิชย์ การสั่งจ่ายเงินในบัญชีดังกล่าวจำเลยตกลงใช้เช็คของธนาคารโจทก์เป็นหลักฐานแห่งการเบิกเงินและคิดบัญชีเดินสะพัดต่อกัน ในกรณีที่เงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่ายตามเช็ค โจทก์จะปฏิเสธการจ่ายเงินโดยสิ้นเชิง หากโจทก์ยอมผ่อนผันจ่ายเงินตามเช็คที่สั่งจ่ายมากกว่าจำนวนเงินที่คงเหลือในบัญชีโดยจะแจ้งหรือมิได้แจ้งให้จำเลยทราบก็ตาม จำเลยตกลงรับผิดชดใช้ให้โจทก์จนครบพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดส่งดอกเบี้ยเป็นรายเดือนทุกวันสิ้นเดือน หากผิดนัดไม่ส่งดอกเบี้ยเดือนใดยอมให้โจทก์นำดอกเบี้ยที่ค้างชำระนั้นทบเข้ากับเงินต้นกลายเป็นต้นเงินที่จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราและถึงกำหนดชำระอย่างเดียวกัน หลังจากเปิดบัญชีกับโจทก์แล้วจำเลยได้นำเงินเข้าฝากและสั่งจ่ายเช็คถอนเงินในบัญชีดังกล่าวหลายครั้งทำให้บัญชีเดินสะพัดเรื่อยมาคิดเพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2524 จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นเงิน 164,093 บาท 74 สตางค์ เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงความเป็นมาในการที่จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์อันเนื่องมาจากจำเลยขอเปิดบัญชีเดินสะพัดประเภทบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์สาขานครราชสีมา โดยจำเลยตกลงที่จะปฏิบัติและยินยอมผูกพันตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ ทั้งยินยอมปฏิบัติตามประเพณีนิยมและวิธีการค้าของธนาคารพาณิชย์ จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว โจทก์ไม่ต้องบรรยายว่าจำเลยได้เบิกเงินเกินบัญชีเมื่อไร เป็นเงินเท่าใด ดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เมื่อใด เป็นเงินเท่าใด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา