แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้นนอกจากจะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้วข้อความที่แจ้งต้องอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วยเมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรแม้จะพิจารณาฟ้องโจทก์ทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรจากการกระทำของจำเลยในข้อที่โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวเมื่อมีการโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือแม้แต่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่เช่าด้วยสิทธิของโจทก์ย่อมไม่กระทบกระเทือนโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้นหมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้นคดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวซึ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 มีเงินไม่พอจ่ายเป็นค่าซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 4แต่จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าจำเลยที่ 4 ได้ขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 รับซื้อไว้โดยชำระราคาเรียบร้อยแล้ว ทำให้เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อรับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 4 ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 83
ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ตามฟ้องไม่ปรากกว่าโจทก์เสียหายแต่อย่างใด โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 องค์ประกอบความผิดนอกจากจะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้วข้อความที่แจ้งต้องอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย โจทก์บรรยายฟ้องความว่า จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมการจำเลยที่ 4 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโจทก์เช่าตึกแถวซึ่งปลูกในที่ดินนั้นจากจำเลยที่ 4 ต่อมาจำเลยที่ 4 ได้ตกลงขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีเงินไม่พอจ่าย แต่จำเลยทั้งสี่แจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับชำระค่าที่ดินเรียบร้อยแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อ รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการแจ้งความเท็จทำให้โจทก์เสียหายโดยโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องเลยว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรแม้จะพิจารณาฟ้องโจทก์ทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถจะเข้าใจได้ว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรจากการกระทำของจำเลยทั้งสี่ ประกอบกับโจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวจากจำเลยที่ 4เมื่อจำเลยที่ 4 โอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินให้จำเลยที่ 1 ไม่ว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ตึกแถวให้ด้วยหรือไม่ก็ตาม สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้เช่าย่อมไม่ได้รับการกระทบกระเทือน เพราะผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น เฉพาะคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้น กฎหมายมาตราดังกล่าวกำหนดให้คำพิพากษาหรือคำสั่งต้องมีรายการเกี่ยวกับข้อหาและคำให้การ กับข้อเท็จจริงซึ่งพิจารณาได้ความ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้ว ให้ยกฟ้อง โดยยังไม่ได้ทำการสืบพยาน คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์ จึงไม่จำเป็นต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กฎมหายกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186
พิพากษายืน