คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์จำเลยท้ากันว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในช่องผู้เช่าในสัญญาเช่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงที่จำเลยลงไว้ จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ถ้าผู้เชี่ยวชาญว่าไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย โจทก์เป็นฝ่ายยอมแพ้ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นในรายงานการตรวจพิสูจน์น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อจำเลยเช่นนี้ มีลักษณะเป็นคำยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าเป็นลายมือชื่อจำเลย ถือได้ว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตรงตามคำท้าแล้วจำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า(อ้างฎีกาที่ 433/2507)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้จำเลยทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยคิดค่าเช่าให้ทุกปี ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยครอบครองที่ดินตามฟ้อง จำเลยครอบครองที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่ง ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์

คู่ความส่งสัญญาเช่าที่ดินให้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในช่องผู้เช่าโดยท้ากันว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นในรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือชื่อช่องผู้เช่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงที่จำเลยลงไว้ จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ถ้าผู้เชี่ยวชาญรายงานผลว่าไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยโจทก์เป็นฝ่ายยอมแพ้ ถ้าผู้เชี่ยวชาญไม่อาจลงความเห็นว่าใช่หรือไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย หรือไม่อาจตรวจพิสูจน์ได้ คู่ความขอสืบพยานต่อไป

ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ได้ทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อตรงช่องลงชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าที่ดินเปรียบเทียบกับลายมือชื่อจำเลยแล้ว มีความเห็นในรายงานการตรวจพิสูจน์น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ตามคำท้า ให้จำเลยและบริวารออกไป ห้ามเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาความว่าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นแต่เพียงน่าเชื่อมิได้ยืนยันว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าที่ดินเป็นลายมือชื่อจำเลยจริงกรณีจึงต้องให้มีการสืบพยานตามประเด็นพิพาทต่อไป พิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่ผู้เชี่ยวชาญสรุปผลการตรวจพิสูจน์มีความเห็นใช้คำว่าน่าเชื่อนั้นมีลักษณะเป็นคำยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าที่ดินเป็นลายมือชื่อจำเลยถือได้ว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตรงตามคำท้าแล้ว ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 433/2507 คดีระหว่าง นายวันดี สุวรรณพันธ์ โจทก์ นายศรีสุวรรณพันธ์กับพวก จำเลย จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า

พิพากษายืน

Share