คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1833/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมตลาดที่เกิดเหตุเป็นของมารดาผู้เสียหาย จำเลยเป็นพ่อค้าเป็ดพะโล้และลูกชิ้นทอดเข็นรถเข้าไปตั้งขายตรงทางเดินอันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดดังกล่าวมาหลายปี โดยชำระค่าเช่าเป็นรายวันไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน ต่อมามารดาผู้เสียหายถึงแก่กรรมได้ทำพินัยกรรมยกตลาดให้ผู้เสียหายจำเลยชำระค่าเช่าบ้างไม่ชำระบ้าง ผู้เสียหายจึงให้เจ้าพนักงานตำรวจเรียกจำเลยมาแจ้งไม่ให้เข้าไปขายของในตลาดพิพาท จำเลยยังขืนนำรถเข็นเข้าไปขายของดังที่เคยทำมา เช่นนี้การเช่าของจำเลยเป็นการเช่ารายวัน และพอสิ้นวันหนึ่ง ๆ จำเลยก็ได้ออกไปจากตลาด การครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลงเป็นวัน ๆ เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยเข้าไปขายของในตลาดอีกต่อไป จำเลยยังขืนเข้าไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของนางสมพักตร์ผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,364

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 จำคุกจำเลย 1 เดือน ปรับ 800 บาท โทษจำคุกรอไว้ 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมตลาดนาเกลือเป็นของมารดาผู้เสียหายจำเลยเป็นพ่อค้าเป็ดพะโล้และลูกชิ้นทอด เข็นรถเข้าไปตั้งขายของตรงทางเดินอันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดดังกล่าวมาหลายปีแล้ว โดยชำระค่าเช่าเป็นรายวันไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน ต่อมามารดาผู้เสียหายตายได้ทำพินัยกรรมยกตลาดให้ผู้เสียหาย จำเลยชำระค่าเช่าบ้างไม่ชำระบ้าง ผู้เสียหายจึงให้เจ้าพนักงานตำรวจเรียกจำเลยมาแจ้งไม่ให้เข้าไปขายของในตลาดพิพาท จำเลยได้ทราบแล้วยังขืนนำรถเข็นเข้าขายของดังที่เคยทำมา ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เพราะจำเลยได้เข้าไปค้าขายโดยมีสัญญาเช่าโดยปริยายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการเช่าของจำเลยเป็นการเช่าเป็นรายวันและพอสิ้นวันหนึ่ง ๆ จำเลยก็ได้ออกไปจากตลาด การครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลงเป็นวัน ๆ เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยเข้าไปขายของในตลาดอีกต่อไป จำเลยยังขืนเข้าไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้าง ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้

พิพากษายืน

Share