คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83,160จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 1 สี่ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 บทหนักจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งห้ากระทำผิด 2 กรรม ลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ยางโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้อีกกระทงหนึ่งจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 คนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 6 เดือนส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยทั้งห้าไม่เกินห้าปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงไม่กำหนดโทษฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ว่าเป็นความผิด 2 กรรม กำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าอีกกระทงหนึ่งจึงเป็นการแก้ไขมากจำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าร่วมกันตัดฟันไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 38 ท่อน โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ตำแหน่งป่าไม้อำเภอ มีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าไม้บังอาจปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นผู้ให้การสนับสนุนในการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทั้งก่อนและขณะที่จำเลยที่ 1 กระทำผิดคือเมื่อจำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันกระทำผิดข้างต้นแล้ว จำเลยที่ 1 พร้อมด้วยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ร่วมกันตรวจและใช้ตราของทางราชการซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ใช้ตีประทับลงบนไม้ยางดังกล่าวทุกท่อนเพื่อเป็นเครื่องแสดงว่าจำเลยที่ 1 ยึดไม้ดังกล่าวไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ โดยจำเลยที่ 1 กระทำการดังกล่าวนอกเขตท้องที่รับผิดชอบซึ่งไม่มีอำนาจกระทำได้ ทั้งนี้เพื่อปกปิดการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 กับพวก และช่วยเหลือให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 พ้นความผิด แล้วจำเลยที่ 1 ได้มอบไม้ยางที่ตีตรายึดให้จำเลยที่ 2 ในฐานะพนักงานองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เก็บรักษาไว้ และจำเลยที่ 1 ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า ได้ตรวจยึดไม้ของกลางดังกล่าวในเขตอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 โดยไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด แจ้งสถานที่ตรวจพบไม้ ขนาดและปริมาตรไม้ผิดจากความจริง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 11, 73 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 160, 83, 86 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 และริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 4 ที่ 5 รับสารภาพฐานร่วมกันทำไม้นอกนั้นปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 11 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 83 สำหรับจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 160 ด้วย ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบด้วยมาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำหลายอย่างแต่มีเจตนาเดียวคือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและเป็นการกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงกันเป็นลำดับเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 สี่ปี จำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 คนละ 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 ที่ 5 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์ขอให้เรียงกระทงลงโทษ จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งห้ากระทำผิด 2 กรรม ให้ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ยางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 11, 73 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยที่ 4 ที่ 5 ให้การรับสารภาพข้อหานี้ลดโทษให้ตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษอีกกระทงหนึ่งซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษไว้แล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 เจ็ดปี จำเลยที่ 2ที่ 3 คนละ 5 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 2 ปี 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งห้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อหาฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สำหรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5ฐานสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 5 ไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ข้อหานี้จึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามมาตรา 218 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาส่วนข้อหาร่วมกันตัดฟันไม้ยางศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันทำผิดแต่เห็นว่าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงไม่กำหนดโทษฐานนี้แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นความผิด 2 กรรม กำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าอีกกระทงหนึ่ง จึงเป็นการแก้ไขมาก จำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงข้อนี้ได้

วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 4 ที่ 5 ให้การรับสารภาพในข้อหานี้ และฟังว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันตัดฟันไม้ของกลางจริง ส่วนจำเลยที่ 1 พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าได้ร่วมตัดฟันไม้ของกลางกับจำเลยอื่นด้วย ที่จำเลยที่ 4 ที่ 5ฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสองโดยไม่รอการลงโทษให้ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหาร่วมกันตัดฟันไม้ยางโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share