คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาเช่า จำเลยต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ 5 ของเดือน ทุกเดือนที่เช่า โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยจำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า วันที่ 3 ตุลาคม 2521ซึ่งเป็นเวลาก่อนกำหนดที่จำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนที่ล่วงแล้วแก่โจทก์ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2521 ซึ่งเป็นเวลาหลังที่จำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนที่โจทก์ฟ้องคดี ถือว่าโจทก์บอกเลิกการเช่าโดยบอกกล่าวให้จำเลยรู้ตัวก่อน กำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ทำสัญญาเช่าตึกแถวของโจทก์มีกำหนดเวลา 3 ปี สิ้นอายุสัญญาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2521 ครบกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้ว จำเลยไม่ชำระค่าเช่า โจทก์ประสงค์จะก่อสร้างปรับปรุงตึกแถวใหม่ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่า จึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยด้วยวาจาหลายครั้ง จำเลยเพิกเฉยจึงให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลย จำเลยได้รับหนังสือแล้วก็ยังอยู่ในตึกแถวที่เช่า ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้เช่าตึกแถวของโจทก์มากว่า 10 ปี เมื่อกำหนดเวลาตามสัญญาเช่า จำเลยเข้าใจว่าโจทก์จะต่อสัญญาอย่างที่เคยปฏิบัติมา การบอกเลิกการเช่าไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 เหตุที่ค้างค่าเช่าเพราะโจทก์ไม่ไปเก็บตามปกติ โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายสูงเกินไป จำเลยที่ 2 มิได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์เป็นส่วนตัว จึงไม่ต้องรับผิด

วันนัดชี้สองสถาน จำเลยรับว่าได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2521 เรื่องค่าเสียหายโจทก์คิดเท่าอัตราค่าเช่าและไม่คิดดอกเบี้ย แล้วคู่ความแถลงไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากตึกแถวที่พิพาท และส่งมอบตึกพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เดือนละ 400 บาท ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2521 เป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบตึกแถวที่พิพาทคืนโจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาเช่ากำหนดเวลาแน่นอน เมื่อสิ้นกำหนดเวลาสัญญาเช่าระงับไม่ต้องบอกเลิกอีก ประเด็นเรื่องเช่าต่อโดยไม่มีกำหนดเวลา จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ ไม่รับวินิจฉัย จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะส่วนตัว พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์บอกเลิกการเช่าไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 เช่าตึกแถวเลขที่ 80/6-80/9 จากโจทก์มีกำหนดเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ 4 เมษายน 2518 ถึงวันที่ 3 เมษายน 2521 ชำระค่าเช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 400 บาท ตามคำให้การของจำเลยประกอบพฤติการณ์ที่จำเลยอยู่ในที่เช่าหลังจากสิ้นกำหนดระยะเวลาเช่าเป็นเวลา 6 เดือน โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่า เชื่อได้ว่าจำเลยได้อ้างสัญญาเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาเป็นข้อต่อสู้คดีมีปัญหาว่า โจทก์บอกเลิกการเช่าชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 566 หรือไม่ เห็นว่าตามสัญญาเช่าท้ายฟ้อง จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์เป็นรายเดือน ภายในวันที่ 5 ของเดือนทุกเดือนที่เช่าตึกแถวของโจทก์ โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยจำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า วันที่ 3 ตุลาคม 2521 ซึ่งเป็นเวลาก่อนกำหนดที่จำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนที่ล่วงแล้วแก่โจทก์ โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 14 พฤศจิกายน 2521 ซึ่งเป็นเวลาหลังที่จำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนที่โจทก์ฟ้องคดี ถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกการเช่า โดยบอกกล่าวให้จำเลยรู้ตัวก่อนซึ่งกำหนดระยะเวลาค่าเช่าระยะหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

พิพากษายืน

Share