แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้วโอนสิทธิการเช่าให้ ลช. โดยจำเลยที่ 1 เห็นชอบและอนุมัติแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 เอาที่ดินรายเดียวกันให้จำเลยที่ 3 เช่า ดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 เพราะขณะที่ฟ้องโจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าให้ผู้อื่นไปแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าที่ธรณีสงฆ์ของวัดจำเลยที่ 1 ตามโฉนดเลขที่ 652 จำเลยที่ 1 รับเงินประกันความเสียหายกับค่าเช่าล่วงหน้าไปจากโจทก์แล้ว และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและฐานะเจ้าอาวาสวัดจำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อเห็นชอบและอนุมัติให้โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้นายชวลิตเช่าช่วงได้ แต่ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาให้จำเลยที่ 3 เช่าที่ดินโฉนดเดียวกันโดยทับที่ดินที่โจทก์เช่าโดยยังมิได้บอกเลิกการเช่ากับโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสามยกเลิกการเช่านั้น แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาและการจดทะเบียนเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินที่โจทก์เช่า
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประเด็น และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้นายชวลิตไปแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์กับจำเลยที่ 3 เรียกร้องเอาที่พิพาทอันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างวาระกัน และปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้เข้าไปปลูกสร้างอาคารลงในที่พิพาทแล้วถึง 10 ห้องส่วนโจทก์เพียงแต่เอาป้ายไปปักไว้ในที่พิพาท จำเลยที่ 3 จึงมีสิทธิในการเช่าที่พิพาทดีกว่าโจทก์ พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกร้องเอาเงินประกันความเสียหาย ค่าเช่าล่วงหน้า และค่าเสียหายอื่น ๆ จากจำเลยที่ 1 และที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับวันเวลาที่จำเลยที่ 3 เข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่พิพาทก็ดี โจทก์นำป้ายไปปักมีข้อความอย่างไร ปักไว้เมื่อใดและตรงไหนของที่พิพาทก็ดี ตลอดจนพฤติการณ์อื่นอันแสดงการครอบครองที่พิพาทของโจทก์จำเลยยังไม่ปรากฏในสำนวน ที่ศาลชั้นต้นฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องเสียก่อน โดยวินิจฉัยว่า ปรากฏตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์เองว่า โจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าที่ธรณีสงฆ์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตามเอกสารท้ายฟ้องให้กับนายชวลิตไปแล้วตามสัญญารับช่วงสิทธิการเช่า ลงวันที่ 17 มกราคม2521 และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะเจ้าอาวาสวัดจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่า ได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติแล้ว ตามสัญญารับช่วงสิทธิดังกล่าวโจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าตามสัญญาเช่าท้ายฟ้องให้แก่นายชวลิตไปทั้งหมดขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาที่โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้ผู้อื่นไปแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นตามฎีกาของจำเลยทั้งสามต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยคดีและพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น