คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 โอนขายนาพิพาทให้แก่โจทก์ ในราคาที่จำเลยที่ 2 ซื้อมาจากจำเลยที่ 1 ตามสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 ประเด็นจึงมีว่าจำเลยที่ 2 ซื้อนาพิพาทมาในราคาเท่าใด การนำสืบในประเด็นเช่นว่า นี้ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานบุคคลได้ เพราะไม่ใช่เป็นการนำสืบเพื่อบังคับตามสัญญาซื้อขายที่จำเลยที่ 1 และที่2 ได้ทำไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่านาจากจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ขายนาแปลงนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ในราคา 46,995 บาท โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 จึงขอให้จำเลยที่ 2 ขายที่นาดังกล่าวให้แก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่เคยเช่านาแปลงนี้จากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตในราคา 130,000 บาท แต่ลงราคาไว้ในสัญญาซื้อขายเพียง 46,995 บาท เพื่อประโยชน์ในการเสียภาษีและค่าธรรมเนียมเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอซื้อจากจำเลยที่ 2 ในราคาเพียง 46,995 บาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทจากจำเลยที่ 2 ในราคา 130,000 บาท

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ซื้อนาพิพาทจากจำเลยที่ 1 ในราคา 130,000 บาท และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 โอนขายนาพิพาทให้แก่โจทก์ในราคาที่จำเลยที่ 2 ซื้อมาจากจำเลยที่ 1 ตามสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 ประเด็นจึงมีว่าจำเลยที่ 2 ซื้อนาพิพาทมาในราคาเท่าใด การนำสืบในประเด็นเช่นว่านี้หามีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงไม่ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานบุคคลได้ เพราะไม่ใช่เป็นการนำสืบเพื่อบังคับตามสัญญาซื้อขายที่จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้ทำไว้

พิพากษายืน

Share