แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริต ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งให้โจทก์มียศเป็นว่าที่ร้อยตำรวจตรีโดยมิชอบ โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้สมฟ้องว่าจำเลยออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยมิชอบอย่างไร แต่โจทก์หาได้นำสืบประการใดไม่ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่าสภาพแห่งคำขอบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เปิดช่องให้บังคับได้ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์นั้น ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2522 ว่า “ศาลสอบโจทก์แล้วทนายโจทก์แถลงว่า ตามที่จำเลยมีคำสั่งระงับคำสั่งบรรจุแต่งตั้งโจทก์ตามคำสั่งที่ 687/2518 ลงวันที่ 9 กันยายน 2518 โดยอ้างว่ามีเหตุขัดข้องด้านอัตรากำลังพลไม่พอนั้น ไม่เป็นความจริง ความจริงมีพอแต่ฝ่ายจำเลยสั่งยกเลิกเสียโดยไม่ชอบเพราะเกิดจากการข่มขู่ของกลุ่มผู้เรียกร้อง ศาลสอบฝ่ายจำเลย พนักงานอัยการทนายจำเลยทั้งสองแถลงว่า กำลังพลจะพอหรือไม่นั้นไม่ใช่ข้อสำคัญ แม้กำลังพลพอ ฝ่ายจำเลยก็มีอำนาจโดยชอบ เพราะอยู่ในดุลพินิจของจำเลยทั้งสองที่จะสั่งยกเลิกคำสั่งบรรจุนั้นเสียได้ ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมและเป็นไปโดยถูกต้องในทางบังคับบัญชา” เมื่อทั้งสองฝ่ายแถลงข้อเท็จจริงเช่นนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานจำเลย ซึ่งโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งที่ให้งดสืบพยานโจทก์นี้แต่อย่างใด เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริต ยกเลิกคำสั่งที่แต่งตั้งให้โจทก์มียศเป็นว่าที่ร้อยตำรวจตรีแล้วโดยมิชอบ โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้สมฟ้องว่าจำเลยออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยมิชอบอย่างไรแต่โจทก์หาได้นำสืบแต่ประการใดไม่ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดีได้ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าสภาพแห่งคำขอบังคับท้ายฟ้องของโจทก์เปิดช่องให้บังคับได้หรือไม่”
พิพากษายืน