แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยการ ใช้ให้นายแอ๊ดใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นแต่ยุยงให้นายแอ๊ดยิงปืนขึ้นในกลุ่มบุคคลที่อยู่รอบๆ ตัวนายแอ๊ดและจำเลยเท่านั้นถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ เป็นเรื่องข้อแตกต่างในรายละเอียดลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ โดยยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288,80 และ 84 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2524 เวลากลางคืน หลังเที่ยง จำเลยกับพวกซึ่งหลบหนีการจับกุมได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายกล่าวคือ จำเลยได้บังอาจก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดโดยการใช้ให้นายแอ๊ดใช้อาวุธปืนยิงนายอุดรและนายสมชัยผู้เสียหาย โดยจำเลยและพวกมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยกับพวก ได้ร่วมกันกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากนายแอ๊ดยิงปืนไม่แม่นพอ กระสุนปืนที่ยิงถูกนายอุดรและนายสมชัยผู้เสียหายที่บริเวณซึ่งมิใช่อวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย เพียงแต่ทำให้เกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 84, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และ 84 จำคุก 10 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยอยู่ในกลุ่มคนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวาย และจำเลยเป็นผู้ร้องสั่งให้นายแอ๊ดซึ่งกำลังถือปืนหมุนไปรอบ ๆ ตัวยิงปืน กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยหรือนายแอ๊ดมีความประสงค์ฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง แต่การที่นายแอ๊ดถืออาวุธปืนหมุนไปรอบ ๆ ตัวในกลุ่มคนและยิงปืนขึ้นเป็นเหตุให้กระสุนไปถูกผู้เสียหายนั้นนายแอ๊ดย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำ การกระทำของนายแอ๊ดจึงเป็นการกระทำโดยเจตนา แต่สำหรับจำเลยนั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยการใช้ให้นายแอ๊ดใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นแต่ยุยงให้นายแอ๊ดยิงปืนขึ้นในกลุ่มบุคคลที่อยู่รอบ ๆ ตัวนายแอ๊ดและจำเลยเท่านั้น จึงมีปัญหาว่าจะถือได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดฐานเป็นผู้ใช้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 นั้น หมายถึงผู้ที่ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเป็นแต่ยุยงส่งเสริม จึงเป็นเรื่องข้อแตกต่างในรายละเอียด ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ โดยยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 และ 84 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น