คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7007/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมกำหนดไว้ว่า หากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ ให้ศาลพิพากษาสั่งให้ยึดที่ดินพิพาทซึ่งจำนองไว้และให้นำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทน โดยไม่มีข้อความว่าหากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วย แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์จำนองเท่านั้น ดังนั้น เมื่อโจทก์บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์จำนองได้เงินไม่เพียงพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้อีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ยืมเบิกเกินบัญชี โจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 4304 ซึ่งจำนองไว้แล้ว แต่ได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์ยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์อื่นของจำเลยขายทอดตลาดอีก เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงหารือศาลชั้นต้นในการดำเนินการตามหมายบังคับคดีต่อไป ศาลชั้นต้นอธิบายว่า ไม่อาจยึดทรัพย์ของจำเลยได้อีก

โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์อื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลสั่งในหนังสือหารือของเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้บังคับคดีตามหมายบังคับคดีของศาลชั้นต้น หากยังได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนกว่าโจทก์จะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า เมื่อโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว โจทก์บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์จำนองได้เงินไม่เพียงพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์มีสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยอีกหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว กำหนดไว้ว่าหากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ ให้ศาลพิพากษาสั่งให้ยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 4304 เลขที่ดิน 33 ตำบลป่ากอ อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ซึ่งจำนองไว้และให้นำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทน โดยไม่มีข้อความว่าหากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วยแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะบังคับคดีเอาทรัพย์จำนองเท่านั้น ดังนั้น เมื่อโจทก์บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์จำนองได้เงินไม่เพียงพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้อีก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share