แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแจ้งความเท็จแก่ตำรวจว่า เจ้าทุกข์ทำร้ายตน ตำรวจจึงจับเจ้าทุกข์ไปสถานีตำรวจ ดังนี้จำเลยมีผิดฐานแจ้งความเท็จ แต่ไม่มีผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตาม ม.270 ด้วย
ย่อยาว
จำเลยเมาสุราจนไม่สามารถครองสติได้และแสดงกริยาวุ่นวายในถนนหลวงแล้วนำความเท็จไปแจ้งต่อพลตำรวจทองอยู่ว่า นายน้อยทำร้ายร่างกายจำเลย พลตำรวจทองอยู่เชื่อคำเท็จของจำเลย จึงจับตัวนายน้อยไปสถานีตำรวจ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา ม.๓๓๕ ข้อ ๑๓ และ ม.๑๑๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติ ๒๔๗๗ ฉะบับที่ ๓ ม.๓ ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๗๐ ฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพด้วยนั้น เห็นว่าตำรวจจับไปก็เป็นผลเนื่องมาจากคำแจ้งความเท็จซึ่งศาลลงโทษแล้ว ตำรวจจะจับหรือไม่เป็นอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเอง ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๑๖,๙๑๗/๒๔๖๗ ที่ ๑๑๖๕/๒๔๗๓, ที่ ๑๖๙/๒๔๗๙ จึงให้ยกข้อหานี้เสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างได้อ้างแบบอย่างคำพิพากษาฎีกายกข้อหา(ตามมาตรา ๒๗๐)นั้น ชอบแล้ว ที่โจทก์อ้าง ม.๖๔ ขึ้นสนับสนุนว่าควรลงโทษจำเลยนั้น รูปคดีหาตรงกันไม่ เพราะ ม.๖๔ เป็นเรื่องใช้ จ้าง วาน ฯลฯ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่อไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน หาควรถือว่าเป็นผลเกิดจากจำเลยโดยตรงไม่ จึงพิพากษายืนตาม.